วันที่ 19 ก.ย.66 นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang ระบุว่า...
การรัฐประหารเมื่อ 19 กันยาจน 2549 ถูกมองว่าเป็นเรื่อง “เสียของ” เพราะเมื่อใช้แล้วผู้มีอำนาจไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะให้ใครเป็นรัฐบาล ต่อมาจึงเกิดการรัฐประหารอีกครั้งในปี 2557
แต่การรัฐประหารในปี 49 ไม่ใช่เรื่องเสียของสำหรับผู้มีอำนาจไปเสียทั้งหมด แต่ยังทำให้ผู้มีอำนาจได้ประโยชน์และมีผลเสียหายอย่างมากต่อบ้านเมืองคือการทำให้เกิดรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย อำนาจอธิปไตยไม่เป็นของประชาชนเช่นมีการกำหนดที่มาและอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรต่างๆที่ไม่ยึดโยงกับประชาชนให้มีอำนาจเหนือฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ นอกจากนี้การรัฐประหารครั้งนั้นยังเป็นการตอกย้ำบทบาทของตุลาการภิวัฒน์ในการเข้ามาจัดการกับการเมืองที่รวมถึงการยุบพรรคการเมืองตามอำเภอใจและการล้มการเลือกตั้งของประชาชน
การรัฐประหารปี 49 จึงเป็นก้าวสำคัญของการฟื้นระบอบเผด็จการให้มีอิทธิพลและบทบาทในสังคมไทยและเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างระบบกติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจากการรัฐประหารครั้งต่อมาในปี 2557 ทำให้ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตยและล้าหลังมาจนทุกวันนี้
เมื่อนึกถึงการรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 เราก็ยังต้องย้ำเตือนกันอยู่เสมอว่าการรัฐประหารครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อบ้านเมืองที่มีผลต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ สร้างภาระให้คนรุ่นปัจจุบันและรุ่นลูกรุ่นหลานจะต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป
การจะทำให้ประเทศไทยพ้นจากความล้าหลังได้ มีเรื่องต้องทำหลายเรื่อง ที่สำคัญอันดับต้นๆก็คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นมรดกของการรัฐประหารให้เป็นประชาธิปไตยให้จงได้
จาตุรนต์ ฉายแสง
อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
19 กันยายน 2566