อนุทิน"ยันเร่งเช็กบิลฮั้วประมูล-มาเฟียเครือข่าย"กำนันนก" ลั่นพบจนท.เอี่ยวฟันไม่เลี้ยง  พร้อมตั้งคณะทำงานปราบฮั้ว เชื่อขรก.มีเอี่ยว "ชาดา" เผยทำบัญชีผู้มีอิทธิพลคืบ ลั่นใครจะมาใหญ่กว่าผมล็อบบี้ลบชื่อ  ด้านกองปราบถกเครียดเชือดตำรวจร่วมงานเลี้ยงบ้านกำนันนก  อธิบดีราชทัณฑ์แจงจับกำนันคนดังตัวจริง

     ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีฯ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.66 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการฮั้วประมูลในพื้นที่เชื่อมโยง นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ ว่า จะนำไปสู่การขยายผล ขณะนี้ก็ตรวจสอบหมดทั้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดของกระทรวงมหาดไทย ตรงไหนมีการเข้าข่ายฮั้วประมูล กีดกัน วางสเปค ใครเสนอราคามาแล้วไปเตะเขาออกแล้วไปให้คนที่สูงกว่า ก็ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน โดยตนจะดูแลเรื่องนี้เอง ส่วนจะวางกรอบระยะเวลาเท่าไหร่นั้น ขณะนี้เราได้เริ่มดำเนินการแล้ว ขึ้นอยู่กับข้อมูล ในทางราชการเสียอย่างหนึ่งคือต้องมีหลักการมาประกอบ ใช้ความรู้สึกไม่ได้ เพราะความรู้สึกคิดได้หมด มั่นใจด้วย แต่ต้องมีเอกสารมาประกอบ จึงเป็นสิ่งที่ท้าทาย ตนถึงต้องดำเนินการเอง ดังนั้นในภาพรวมเราจะต้องขอข้อมูลทุกฝ่ายทุกที่
      
 โครงการต่างๆ ที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามามีเยอะมาก บางครั้งมีการทักท้วงแล้วก็ยังเดินหน้าต่อไป ไม่ให้ความสำคัญกับการทักท้วง ก็ต้องดำเนินการ ถ้าไปถามใครเขาก็ว่าถูกทุกคน เพราะเขาทำมาแล้ว ดังนั้นเราต้องหาหลักฐานเพื่อให้เห็นว่ามีสิ่งใดไม่ถูกต้อง ผลจะเป็นอย่างไรอยู่ที่หลักฐานที่ต้องควานหามาให้ได้ ผลจะเป็นอย่างไร ผมก็จะตั้งคณะกรรมการ คณะทำงานขึ้นมาดู นายอนุทิน กล่าว
   
  ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพบว่ามีคนในไปเอี่ยวจะดำเนินการคาดโทษอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ก็เป็นไปตามกฎหมายทั้งนั้น ยังไงก็ต้องเอี่ยว เพราะของพวกนี้มันต้องร่วมกัน การทุจริตทำฝ่ายเดียวไม่ได้ เมื่อถามถึงแนวทางป้องกันในอนาคต นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องปลูกฝังเพื่อที่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมให้มากที่สุด ใครที่ทำสิ่งไม่ดี ไม่ถูกต้อง ต้องดำเนินการด้วยกฎหมายที่เฉียบขาดให้เร็วที่สุด บางครั้งมันย้อนแย้งกัน บางทีกว่าจะรู้ว่าทุจริต โครงการก็สร้างเสร็จไปหมดแล้ว แล้วจะให้ไปทุบตึกทิ้งหรือ ในเรื่องการดำเนินคดี โชคดีหน่อยที่คดีไม่มีอายุความ ก็ต้องวางแนวทางต่อไปว่าใครจะมาทำต่อ ใครไม่ทำก็ถือว่าละเว้น
    
 เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยได้สั่งการและดำเนินการแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปลงรายละเอียด ตรงนี้อยู่ในนโยบายหลัก ตนมีหน้าที่ติดตาม เร่งรัดให้มีการตรวจสอบโดยเร็ว ตรงไหนแก้ได้ก็ต้องแฟร์ ไม่ใช่ต้องผิดทุกคน เราต้องยึดหลักฐาน ไม่มีอะไรชัดเท่าหลักฐาน
    
 นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย กล่าวในรายละเอียดถึงนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ ว่า  หลังจากที่นายกฯ ได้สั่งการแล้ว นายอนุทินได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว และเป็นประธาน โดยตนเป็นรองประธาน มีปลัดกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ขณะที่การดำเนินการจะเริ่มรวบรวมรายชื่อจากบัญชีเดิมเพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงเช่น เสียชีวิตไปแล้ว เลิก หรือหายจากวงการไปหรือไม่ จากนั้นจะมาสำรวจข้อมูลใหม่ โดยแบ่งเป็นกลุ่มสี เช่น สีแดง สีเหลือง แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่เคยเป็นผู้มีอิทธิพลแต่เลิกไปแล้วด้วย รวมถึงกวาดบ้านดูแลหน่วยงานของตัวเองก่อน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ท้องถิ่นทั่วประเทศ
    
 เมื่อถามว่า ในการกวาดบ้านตัวเองที่จังหวัดอุทัยธานี ได้ดำเนินการแล้วหรือไม่ นายชาดา กล่าวว่า ของอุทัยธานีจบแล้ว แบ่งกลุ่มสีแดง สีเหลือเรียบร้อยแล้ว พบว่าสีแดงมีน้อยมาก และหลายๆ จังหวัดก็ดำเนินการอยู่ ยืนยันว่าเราจะดำเนินการจัดกลุ่มสีพร้อมกันทั้งประเทศ แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายเปิดกว้าง ไม่เหมือนในอดีต ในการมาเปิดชื่อ ต้องมีความระมัดระวัง
      
 ไม่ต้องห่วงในเรื่องนี้ผมมีความเป็นธรรมอยู่แล้ว ปิดผมไม่ได้ ขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลจัดกลุ่มสีของผู้มีอิทธิพล ไปแล้วประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับกรอบระยะเวลาการดำเนินการจะอยู่ที่เท่าไหร่นั้น เราจะดำเนินการให้เร็วที่สุด อย่าไปบีบเขา นายชาดา กล่าว
    
 เมื่อถามถึงความกังวลในการเข้ามาแทรกแซงของผู้มีอิทธิพลเช่นการล็อบบี้เอาชื่อตัวเองออกจากบัญชี นายชาดา กล่าวพร้อมกับเราะว่า ใครจะมาใหญ่กว่าผม คือผมตัวใหญ่นะ
   
  ด้าน นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผวจ.นครปฐม กล่าวถึงกรณีมีคำสั่งปลด นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก พ้นจากตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศาสนาหรือวัฒนธรรม ภายในคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ(กก.ตร.)จังหวัดนครปฐม ว่า สาเหตุมาจากกำนันนกขาดคุณสมบัติของการเป็นกก.ตร.จังหวัดนครปฐม จากการถูกดำเนินคดีที่เกิดขึ้น ส่วนกำนันนกได้โควตาเข้ามาเป็นกก.ตร.จังหวัดนครปฐมอย่างไรนั้น ทางกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ในฐานะฝ่ายเลขาฯกก.ตร.จังหวัดนครปฐมเสนอขึ้นมา
 วันเดียวกัน ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ สว.กก.2 บก.ทล. ถูกยิงเสียชีวิต ร่วมประชุมหารือในเบื้องต้น ก่อนที่จะมีการประชุมใหญ่ร่วมกับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในช่วงเวลา 14.00 ของวันนี้
   
  พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาตำรวจที่อยู่ในงานเลี้ยงบ้านกำนันนก ว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายไหนเข้าข่ายกระทำความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 157 หรือการให้การเท็จหรือไม่ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบเท็จจริง ประกอบกับพยานหลักฐาน ทั้งภาพกล้องวงจรปิดและประจักษ์พยาน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน โดยคาดว่าวันนี้จะมีความชัดเจนเรื่องของตำรวจที่จะถูกดำเนินคดี รวมถึงการเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาด้วย
   
  ขณะที่ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ หัวหน้าคณะทำงานอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลของตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการทำงานของพนักงานสอบสวน ในกรอบเวลา 15 วัน และเมื่อครบกำหนดเวลาจะให้หัวหน้างานที่สอบสวนทางวินัยต้องรายงานมายังตนเอง ส่วนจะมีความผิดทางวินัยร้ายแรงจนถึงขั้นออกจากราชการหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน แต่ความผิดทางวินัยที่ตรวจสอบไปนั้นคนละเรื่องกับความผิดทางอาญาที่ตำรวจสอบสวนกลางตรวจสอบ แต่การตรวจสอบก็จะควบคู่ประสานกันไป
     
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่กระแสโซเชียลวิจารณ์และตั้งข้อสังเกตว่า นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ที่ถูกจับไม่ใช่ตัวจริง ทำให้เกรงว่าจะมีการจับตัวปลอมนั้น กรมราชทัณฑ์ ได้รับการยืนยันจาก นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในกรณีดังกล่าวแล้ว แจ้งว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ประจำศาลจะตรวจสอบข้อมูลบุคคลจากหมายขังที่ศาลออก ตรวจสอบลายนิ้วมือที่ตรงกันเรียบร้อยแล้ว จึงรับตัวส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และได้ตรวจสอบตำหนิ รูปพรรณ โดยการบันทึกลายนิ้วมือถูกต้องครบถ้วนตรงกันตั้งแต่ที่ศาลถึงเรือนจำ