เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 13 ก.ย. 66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติแก้ปัญหาความเห็นต่างเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งครม.มีนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ส่วนจะแก้ไขอย่างไรให้เป็นไปตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ ที่พรรคเพื่อไทยเคยยื่นแก้ไขไปแล้วสองวาระ แต่ติดคําสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้เอากลับไปฟังความเห็นของประชาชน ดังนั้น ในรอบนี้จึงจะต้องมีการทำประชามติ ให้ประชาชนมีส่วนแสดงความเห็น ว่าประชามติควรมีคำถามอะไรบ้าง ไม่ใช่ว่าเราคิดเอง แต่ประชาชนต้องมีส่วนร่วม เมื่อได้แนวทางแล้ว จึงจัดทำประชามติ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องมีข้อสังเกตว่า การแก้ไขนี้ต้องมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นและต้องไม่แก้หมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์
เมื่อถามถึงแนวทางแก้รัฐธรรมนูญที่จะถามความเห็นประชาชนก่อนตั้งเป็นคำถามประชามติ จะใช้วิธีการอย่างไร นายชัย กล่าวว่า นายกฯ แต่งตั้งให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตั้งคณะกรรมการเชิญชวนตัวแทนประชาชนเข้ามาแสดงความเห็นเพื่อให้ได้ความเห็นร่วมกันว่าควรตั้งประเด็นถามประชามติอย่างไร เพราะการทำประชามติแต่ละครั้งใช้งบหลายพันล้านบาท จึงต้องออกแบบให้ชัดเจนถามทีเดียวให้ได้เรื่อง ส่วนรายละเอียดจะคัดเลือกประชาชนเข้ามาแสดงความเห็นอย่างไรยังไม่ทราบ แต่เรามีหลักการว่าให้ประชาชนมีส่วนร่วม
เมื่อถามว่า มีกรอบระยะเวลาในการรวมความเห็นเพื่อตั้งคำถามประชามติหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า นายกฯ ระบุให้ดำเนินการเร็วที่สุด โดยไม่ได้วางกรอบเวลาไว้
เมื่อถามว่าที่ผ่านมา กลุ่ม iLAW (ไอลอว์) รวมถึงภาคส่วนต่างๆ เคยมีความเห็นเกี่ยวกับคำถามที่จะให้ทำประชามติออกมาบ้างแล้ว ทำไมไม่นำมาเป็นแนวทางเพื่อทำประชามติ นายชัย กล่าวว่า ข้อเสนอไอลอว์ รวมถึงภาคส่วนต่างๆ เราจะรับฟัง ถ้าไม่มีความเห็นอื่นก็จะพิจารณาจากแหล่งดังกล่าวเป็นหลัก แต่ก็มีประชาชนกลุ่มอื่นๆ ที่มีความเห็นต่าง เราจึงต้องรับฟัง
เมื่อถามย้ำว่า การตั้งคณะกรรมการเช่นนี้ถือเป็นการซื้อเวลาหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า การดำเนินการเช่นนี้ คิดว่าไม่ใช่การทำงานซ้ำซ้อน เพราะถ้าฟังแต่แนวคิดที่ออกมาก็จะมีคนออกมาท้วงติงว่า ไม่ได้แสดงความคิดเห็น เพราะประเทศมีความหลากหลาย คนที่มีความเห็นต่างก็มี อย่าไปมองว่ารัฐบาลจะดึงเวลา ขอให้รัฐบาลได้ทำความเข้าใจ จะได้ไม่ไปเถียงกันทีหลัง