วันที่ 12 ก.ย.2566 พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ( ผบช.สพฐ.ตร.)​เปิดเผยว่าจากการตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุบ้านพักของ พ.ต.อ.วชิรา ผกก.กก.2 ทล.เสียชีวิตด้วยอาวุธปืนภายในบ้านพักย่านคูคต จว.ปทุมธานี เมื่อวานที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ดำเนินการตรวจพิสูจน์ทุกอย่างในประเด็นข้อสงสัย โดยพบว่าช่วงเวลาประมาณ ตี 4 ทาง ผกก.เบิ้ม ได้ปีนรั้วเข้ามาบ้านและเข้าไปในเปิดลิ้นชักเอาอาวุธปืนออกมา ซึ่งยังมีกุญแจคาอยู่ ได้สั่งให้ดำเนินการตรวจพิสูจน์ว่าเป็น DNA ของ ผกก.เบิ้มหรือมีDNAของคนอื่นปนเปื้อนหรือไม่ คาดว่าจะทราบภายใน 1-2 วันนี้

 และดูว่าตรงจุดที่พบศพพบว่า รอยกระเซ็นของเลือดไปทางขวามือมีเลือดติดอยู่เล็กน้อย เป็นลักษณะของการออกของเลือดทางรูเข้า ส่วนทางซ้ายที่เป็นรูออกของกระสุนจะมีปริมาณมากกว่า และมีมันสมองติดอยู่ตรงกำแพงห้อง ซึ่งสอดคล้องตรงกับทิศทางของกระสุนเข้าและออก 

ส่วน ผกก.เบิ้ม สูงประมาณ 160 ซม.แต่รอยกระเซ็นของเลือดพบต่ำลงมา แสดงว่ากระทำในลักษณะนั่งก้นติดพื้นและชันเข่าขึ้นมา แต่ถ้านั่งคุกเข่า หลังยิงแล้วหน้าก็คว่ำลงไปข้างหน้า แต่ถ้านั่งก้นติดพื้นก็จะหงายหลังลงไป และรอยเลือดระหว่างก้นถึงขาจะต้องไม่มีเลือด แต่ถ้ามีการลากเลือดก็จะต้องกระจายทั่วไปหมด และจากการเก็บเขม่าดินปืนที่มือด้วยระบบ AAS (Atomic Absorption Spectroscopy)​ ซึ่งเป็นระบบที่ดีที่สุดของโลกพบเขม่าดินปืนของ ผกก.เบิ้ม ทั้งสองมือ ลักษณะใช้มือขวาจับและมือซ้ายประคองในการยิง ส่วนเพื่อนร่วมรุ่นของ ผกก.1คนและลูกน้องรวม 5คน ได้ทำการตรวจคราบเขม่าแล้วแต่ไม่พบ ส่วนคราบเลือดที่เห็นเป็นวงกลมจากการตรวจสอบพบว่าเป็นโรบอทดูดฝุ่น ซึ่งเป็นโรบอทที่ตั้งเวลาทำงาน​แบบอัตโนมัติ เมื่อแบตใกล้หมดจะวิ่งกลับมาทำงานที่เดิม เมื่อเปิดที่เก็บผงฝุ่นก็พบหัวกระสุนปืนและเลือด 


ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าเวลาที่ใช้ก่อเหตุหลังปีนเข้าบ้านประมาณ4 นาทีนั้นสอดคล้องกับการก่อเหตุหรือไม่ จากการตรวจที่เกิดเหตุพบว่ามีความเป็นไปได้เพราะสามารถใช้เวลาได้เพียง 1-2นาทีเท่านั้น 

พล.ต.ท.อิทธิพล กล่าวว่าจากพยานหลักฐานเชื่อว่า ผกก.เบิ้ม เตรียมการที่จะปลิดชีพตัวเองไว้แล้วและกระทำไปอย่างมีสติ เพราะคงเค​รียดมาก พร้อมย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีเครื่องบ่งชี้ว่ามีคนอื่นร่วมอยู่ด้วยในวันเกิดเหตุ

พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) กล่าวถึงกรณีการกู้ภาพจากเซิร์ฟเวอร์วงจรปิดบ้านกำนันนก ว่า เซิร์ฟเวอร์ 2 ตัวทั้งในบ้านและนอกบ้าน ถูกแช่อยู่ในน้ำอยู่ในถุงดำและในลังโฟมมาหลายวัน หากนำมาทำตามกระบวนการเลย หากเสียหายหรือเกิดช็อตขึ้นมาจะทำให้กู้ยาก จึงให้ไปหาเซิร์ฟเวอร์ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันเหมือนกันคือ Seagate นำมาทดลอง แช่น้ำ 15 นาที, 24 ชั่วโมง และ 36 ชั่วโมง ก่อนนำมาทำให้แห้ง โดยวิธีการเป่า อบ และนำเข้าเครื่องดูดความชื้นเพื่อดูดความชื้นออก ทั้งนี้ที่ให้ทำการทดลองก่อน เพื่อป้องกันหากนำตัวจริงมาทำตามกระบวนการแล้วเกิดช็อตขึ้นมาก็อาจเกิดความเสี่ยงขึ้นได้ ซึ่งผลการทดลองเป็นที่น่าพอใจ จึงขอให้รอระยะเวลาอีกสักระยะ โดยได้สอบถามไปยังบริษัทใหญ่ หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นหากมีขาใดขาหนึ่งช็อตขึ้นมาจะซ่อมได้หรือไม่ ซึ่งได้มีการแนะนำวิธีการมาว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง พร้อมเชิญผู้เชี่ยวชาญของบริษัทมาให้ข้อมูล อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าจะสามารถกู้เซิร์ฟเวอร์วงจรปิดได้ เพราะจุดสำคัญที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ยังสามารถใช้งานได้อยู่ ส่วนอื่นๆ หากเสียสามารถเปลี่ยนได้

พล.ต.ท.อิทธิพล กล่าวว่า เซิร์ฟเวอร์ที่ได้มาแช่น้ำประมาณ 2 วัน พบว่ามีคราบ และมีน้ำเข้าไป แต่จะทำวิธีอย่างไรให้เซิร์ฟเวอร์แห้งได้สมบูรณ์และสามารถนำมาใช้งานได้ดีที่สุดจึงต้องให้มีการทดลองก่อน เพราะยังไม่เคยมีกรณีที่มีการนำเซิร์ฟเวอร์ไปจุ่มน้ำนานขนาดนี้พบเพียงกรณีที่เปียกฝนมา และเคยกู้วงจรปิดที่ลบไปแล้วคดียิงนายกเทศมนตรีสงขลาได้ ทั้งนี้ได้สั่งการให้ระดมผู้เชี่ยวชาญจากทุกกลุ่มงาน ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์, ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มงานตรวจลายนิ้วมือแฝง, กลุ่มงานดีเอ็นเอ ฯลฯ มาตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝงและหาดีเอ็นเอ บริเวณถุงดำ กล่องเซิร์ฟเวอร์, ปลายสายต้นสาย เพื่อหาว่าใครเป็นผู้ถอดเซิร์ฟเวอร์วงจรปิด

พล.ต.ท.อิทธิพล กล่าวอีกว่า ส่วนระยะเวลายังไม่อยากให้เร่ง เพื่อป้องกันความผิดพลาด ทั้งนี้อยากให้ได้ผลจริงๆ ไม่อยากให้ผิดพลาด จากการทดลองที่ได้สั่งการให้มีการทดลองไปใน 2 วันนี้ มีผลที่น่าพอใจ ยังไม่มีการลบไฟล์ หากลบก็สามารถกู้ได้ ทั้งนี้หลักฐานดังกล่าวเป็นหลักฐานที่จะทำให้เกิดความกระจ่างมากขึ้น