วันที่ 8 ก.ย.2566 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการอภิปรายของพรรคประชาธิปัตย์ในการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 11-12 ก.ย.จะเน้นเรื่องอะไรบ้างว่า จะพูดถึง 3 ด้านคือการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ตอนนี้มีส.ส.แจ้งความจำนงทั้งหมด 15 คน โดยตนจะอภิปรายคนที่สองต่อจากพรรคก้าวไกลอภิปรายเป็นคนแรก และนายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ และส.ส.ใหม่อีกหลายคนที่เตรียมการไว้ โดยจะทำหน้าที่ให้เต็มที่ในการตรวจสอบนโยบายของรัฐบาล และเป็นการอภิปรายแบบสร้างสรรค์ ตรงไปตรงมาตามเนื้อผ้าของนโยบาย ซึ่งพร้อมที่จะให้คำเสนอแนะ ให้ความคิดเห็นตรงไปตรงมา รวมทั้งจะมีการตั้งคำถามบางที่บางนโยบายยังขาดความชัดเจน ถือว่าเป็นการตั้งคำถามแทนประชาชน  สุดท้ายแล้วคืออะไร อย่างไร ต้องยอมรับความจริง เพราะบางเรื่องยังมีความคลุมเครือ และบางเนื้อหาในนโยบาย เมื่อมาดูภาพรวมทั้งหมดแล้วก็ไม่ตรงปกจริงๆอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในตอนนี้

เมื่อถามว่าจะเน้นเรื่องอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ วนายจุรินทร์ กล่าวว่า ขอให้รอดูวันอภิปราย ส่วนเรื่องที่ไม่ตรงปก ก็มีหลายนโยบาย ขอไปพูดตอนนี้ บางเรื่องที่สัญญาไว้ตอนหาเสียง ก็ไม่มี และก็ไม่มีเยอะด้วย ไม่ใช่แค่ 1-2 นโยบาย ก็จะให้ความเห็นตามเนื้อผ้า ตรงไปตรงมา ไม่มีอคติใดๆทั้งสิ้น ตนบอกแล้วว่าจะอภิปรายอย่างสร้างสรรค์ เพื่อเป็นประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน และให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ซึ่งพรรคได้เวลา 2 ชม.15 นาที ความจริงอยากได้ 3 ชม.แต่ได้เท่านี้ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้ไปมีปัญหาอะไร หรือขัดข้องหมองใจอะไร เพราะเราก็ไม่มีเสียงอะไรมากร

เมื่อถามว่าการอภิปรายของพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ เพราะส.ส.บางคนก็ไปสนับสนุนรัฐบาล นายจุรินทร์ กล่าวว่า ก็ไม่ได้แปลว่าสนับสนุนรัฐบาล การลงมติครั้งนั้นก็เป็นการลงมติครั้งนั้น และได้มีการพูดคุยกันในพรรคแล้ว แต่การทำหน้าที่จากนี้ไปพรรคประชาธิปัตย์จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และเราจะทำหน้าที่เต็มความสามารถ รัฐบาลบอกว่าเป็นรัฐบาลของประชาชน ฝ่ายค้านก็เป็นของประชาชนเช่นเดียวกัน เพราะมาจาการเลือกตั้งของประชาชนเหมือนกัน  ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ไม่มีอะไรน่ากังวล ทุกคนก็จะทำหน้าที่ร่วมกันในทิศทางเดียวกัน

เมื่อถามว่าการทำงานกับพรรคก้าวไกลเป็นอย่างไรบ้าง นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา พรรคการเมืองที่ไม่เป็นรัฐบาล ก็ต้องมาทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เป็นภาคบังคับของระบบรัฐสภาปกติ และการทำงานกับพรรคก้าวไกลอะไรที่ต่างกันประชาธิปัตย์ก็จะยังคงจุดยืนนั้น ถือว่าเป็นจุดยืนในเรื่องความแตกต่างนั้น  ซึ่งเป็นจุดยืนที่เราต้องรักษา เช่น ไม่แตะมาตรา 112  แต่ว่าอะไรที่เป็นเรื่องที่ต้องทำหน้าที่ร่วมกันเช่นการตรวจสอบรัฐบาลร่วมกันก็ไม่มีปัญหา เพราะถือเป็นหน้าที่ต้องตรวจสอบรัฐบาล ตนเข้าใจว่าพรรคก้าวไกลก็คงตระหนักและเข้าใจเรื่องนี้อยู่แล้ว

เมื่อถามว่ามีการแชร์ข้อมูลกับพรรคก้าวไกลในการอภิปรายด้วยหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะการอภิปรายนโยบายไม่ใช่เรื่องใหม่ของการเมืองไทย ทุกพรรครู้หน้าที่ดี

เมื่อถามถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ที่ยังติดปัญหา นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นภารกิจของก้าวไกล ซึ่งยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะรับตำแหน่งดังกล่าวหรือไม่ เพราะเป็นสิทธิ์ที่พรรคก้าวไกลจะพิจารณาก่อนจนกว่าจะมีข้อยุติ แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้นจึงไม่ขอต่อประเด็นนี้