รบ.เมินองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ปธ.วิปรัฐบาล เรียกถก วิป 3 ฝ่าย จัดสรรเวลาแถลงนโยบายรัฐบาล แพทองธาร 9 ก.ย.นี้ เล็งปรับลดเวลาแถลงลงเพื่อเปิดทาง ครม. เดินหน้าทำงานแก้ปัญหาประชาชน ขณะที่เดียวกันหั่นเวลาอภิปรายของฝ่ายค้านลดลงด้วย ด้าน "อนุสรณ์"ลั่น เพื่อไทยไม่จำเป็นต้องตั้งองครักษ์พิทักษ์นายกฯ"อิ๊ง"
เมื่อวันที่ 8 ก.ย.67 นายวิสุทธ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวว่า ในวันที่ 9 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น. จะมีการประชุมวิป 3 ฝ่าย ได้แก่ วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิสภา เพื่อหารือถึงกรอบเวลาการอภิปรายการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 12-13 ก.ย.นี้ หวังว่าจะหารือเวลาอภิปรายลดลงจากเดิมที่เคยได้เวลา 31 ชั่วโมง ในการอภิปราย 2 วัน ซึ่งตนเห็นว่าเป็นระยะเวลาที่นานไป เพราะส่วนใหญ่เป็นนโยบายเดิมที่สานต่อจากรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน โดยมีเรื่องใหม่เข้ามาบ้าง ก็จะเจรจาปรับลดเวลาอภิปรายลงเพื่อให้ครม. เข้าไปปฏิบัติหน้าที่โดยเร็วในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน อย่างไรก็ตามการแถลงนโยบายรัฐบาลทั้ง 2 วัน จะเริ่มในเวลา 09.00 น. และในวันที่ 9 ก.ย. หลังจากที่ตกลงเวลากันได้ ก็จะแบ่งเวลาให้ทั้ง 3 ฝ่ายอย่างเหมาะสม เชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากทั้งฝ่ายค้าน และวุฒิสภา จากที่เคยเจรจากับฝ่ายค้านไปบ้างแล้ว อาจจะปรับลงมา ที่เคยได้เวลาไป 14 ชั่วโมง อาจจะปรับเหลือเป็น 10 ชั่วโมง หรือ 12 ชั่วโมง เพื่อเร่งรัดการแถลงนโยบายให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ รัฐมนตรีจะได้มีพลัง มีเวลาไปดูแลปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ที่จะต้องไปรีบดำเนินการประธานวิปรัฐบาล กล่าว เมื่อถามว่า ทางฝ่ายค้านตั้งเป้าการอภิปรายครั้งนี้ว่าจะดุเดือดเข้มข้น นายวิสุทธ์ กล่าวว่า ไม่มีดุเดือด เพราะครั้งนี้เป็นการอภิปรายแถลงนโยบาย ไม่ใช่การอภิปรายงบประมาณ หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้นจะอภิปรายนโยบายควบการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้ มันคนละส่วนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางฝ่ายค้านจะทวงสัญญาช่วงเลือกตั้งและตรวจการบ้านครบ 1 ปี นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า 1 ปีถ้าทำได้หมดก็ประหลาดแล้ว ตอนเข้ามางบประมาณปี 2567 ขณะนี้เองก็ยังอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้าง และทุกคนก็ทราบว่าเป็นงบประมาณที่รัฐบาลเก่าเป็นคนตั้งไว้ ส่วนงบประมาณปี 2568 ก็กำลังผ่านเข้าไปยังวุฒิสภา จะให้1ปีทำครบสัญญาทุกอย่าง ก็แปลกประหลาดไปแล้ว ยังมีเวลาอีกตั้ง 3 ปี
ยืนยันว่าทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ไม่น่ากังวลอะไรและ เป็นธรรมดาของฝ่ายค้านที่จะมีหน้าที่อภิปรายติเตียน ส่วนรัฐบาลก็มีหน้าที่ที่จะชี้แจง สำหรับเอกสารเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงคาดว่าจะถึงสมาชิกในวันที่ 9 ก.ย.และ 10 ก.ย.นี้ แต่ในเบื้องต้นมีไฟล์เอกสารเผยแพร่ออกมาแล้วคาดว่า สมาชิกรัฐสภาจะได้รับทราบและศึกษาในเบื้องต้น
ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคประชาชน (ปชน.) เตรียม 30 ขุนพล ไว้อภิปรายนโยบายรัฐบาล ในวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 12-13 ก.ย.นี้ ว่า ฝ่ายค้านจะอภิปราย 30 คน 40 คน หรือทั้งพรรคก็ถือเป็นสิทธิ แต่ต้องยอมรับว่าวันนี้รัฐบาลของน.ส.แพทองธารมีเสถียรภาพ มีความเข้มแข็ง ซึ่งเห็นได้จากการโหวตร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่ผ่านมา
ฉะนั้น การทำหน้าที่ในสภาฯ ของฝ่ายค้านควรต้องดูเรื่องนี้ประกอบด้วย และควรเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เพราะวันนี้เราควรให้ประเทศไทยได้ไปต่อ เราควรสลายขั้ว ก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่ก็ยังเชื่อมั่นเพราะการอภิปรายในหลายครั้งที่ผ่านมาของฝ่ายค้านยังทำได้ดี เพียงแค่ขอเน้นย้ำว่าการแถลงนโยบายของรัฐบาลนั้นเป็นภารกิจตามรัฐธรรมนูญ
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า 1 ปีที่ผ่านมาภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน ก็ทำไปได้หลายเรื่องและชัดเจนขึ้นมาโดยลำดับ ซึ่งรัฐบาลของ น.ส.แพทองธารจะมาสานต่อ อะไรที่ผลักดันแล้วกำลังจะเกิดก็จะมาผลิดอกออกผลในช่วงนี้ ทั้งนี้ตนเคารพและเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของทุกฝ่าย หวังว่าจะเป็นการรับฟังการแถลงนโยบายที่มีการสอบถาม มีการอภิปรายจากทุกฝ่ายด้วยบรรยากาศที่สร้างสรรค์ เพื่อให้ประเทศของเราได้เดินหน้าต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะพรรครัฐบาลไม่ได้มีความกังวลอะไรใช่หรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ไม่มีความกังวล เพราะเข้าใจดีว่าเป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ทุกฝ่ายต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดี และประชาชนก็ติดตามดูอยู่ และตนคิดว่าเวทีนี้จะเป็นเวทีที่ได้มาตรวจการบ้านรัฐบาลด้วยว่า 1 ปีที่ผ่านมารัฐบาลเพื่อไทยมีอะไรเกิดขึ้นแล้วบ้าง และอะไรกำลังทำอยู่ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เสนอแนะสิ่งที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลยินดีรับฟัง
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านบอกว่าการอภิปรายจะมีความดุเดือดแน่ ทางพรรคเพื่อไทยมีการเตรียมองครักษ์ไว้รับมือหรือไม่ นายอนุสรณ์กล่าวว่า องครักษ์คงไม่ต้อง เพราะคนที่อภิปรายหรือคนที่อาจจะเป็นองครักษ์ถูกตรวจสอบโดยประชาชนอยู่แล้ว คือหากการอภิปรายเกินกว่ากรอบหรือไม่อยู่บนพื้นฐานของความสร้างสรรค์ การติเพื่อก่อ ตนคิดว่าประชาชนจะเป็นคนตัดสิน ในทางกลับกัน คนที่จะเป็นองครักษ์จะลุกขึ้นสกัดหรือประท้วงโดยไม่สมเหตุสมผล ประชาชนก็จะวิเคราะห์และประเมินเช่นกัน ฉะนั้น โอกาสที่ทัวร์จะลงเกิดขึ้นได้ทุกฝ่าย จึงขอทุกฝ่ายทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะสามารถตอบข้อชี้แจงของฝ่ายค้านได้