จากกรณีการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. คนใหม่ ยังไม่เสร็จสิ้น ทั้งๆ ที่ ศ.คลินิก สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกสทช. เดินหน้า ดำเนินการตามประกาศ 3 ฉบับ คือ 1) ประกาศรับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการกสทช. ลงวันที่ 17 มีนาคม 2566 2) ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเข้ารับการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการกสทช. ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2566 และ 3) ประกาศเรื่องกำหนดการแสดงวิสัยทัศน์และสัมภาษณ์คัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการกสทช. ลงวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 เรียบร้อยแล้วทุกประการ
ล่าสุด วันที่ 18 ส.ค.66 แหล่งข่าวจาก กสทช. เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีผู้สนใจเสนอตัวเข้ารับการคัดเลือกทั้งสิ้น 9 คน ซึ่งได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติเพื่อกลั่นกรองแล้ว และประธานกสทช.ได้เปิดให้มีการแสดงวิสัยทัศน์อย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา เพื่อลดข้อครหาว่าจะมีการล็อคสเป็ค เอาเด็กคนนั้นคนนี้ และป้องกันการเมืองแทรก
"อย่างไรก็ตาม ยังมีกรรมการกสทช.ส่วนหนึ่งพยายามกดดันกระบวนการคัดเลือกนี้ทุกทาง สร้างความไม่สบายใจให้กับประธานกสทช.อย่างมาก เช่นกรณีมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าคำถามหลุดไปถึงผู้สมัครบางคนก่อน จนเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันระหว่างการแข่งขัน ทั้งที่ประธานได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว"
ทั้งนี้ วงใน กสทช. มองว่า กลุ่มก้อนของกรรมการ กสทช. ที่รวมตัวกันสร้างอำนาจต่อรองกับประธาน กสทช.ครั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะผลักดันผู้สมัครในเครือข่ายของตนเองเข้ามาสู่อำนาจ เมื่อสแกนคุณสมบัติของผู้สมัครทั้ง 9 คนแล้วจะเห็นว่า ส่วนใหญ่เป็นนักบริหารองค์กรขนาดใหญ่ที่มากประสบการณ์ ขณะที่บางส่วนเป็นนักวิชาการ รวมถึงมีข้อครหาอาจมีบอร์ดบางคนก็เคยร่วมทำงานด้วย เช่น การรับงานวิจัยกันมาก่อน ซึ่งจะเข้าข่ายการขัดกันของผลประโยชน์หรือไม่
"ความเป็นจริงแล้ว กสทช. ต้องการเลขาธิการที่เป็นนักบริหารมืออาชีพ มากุมบังเหียนธุรกิจสื่อสารที่จะก้าวไปสู่อนาคต ไม่ใช่การทำงานแบบนักวิชาการหรือนักวิจัยแต่ไม่เคยมีประสบการณ์ สัมผัสโลกธุรกิจสื่อสารที่บริบทเปลี่ยนแปลงเร็วมาก"
อีกความพยายามเลือกปฏิบัติในการสรรหาของกรรมการกสทช.ส่วนหนึ่ง เป้าหมายเพื่อบล็อกไม่ให้ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช. ที่เป็นตัวเต็งคุณสมบัติอันดับหนึ่ง ฝ่าด่านอรหันต์เข้ามาได้ โดยใช้วิธีดีสเครดิตต่างๆ นานา หนึ่งในนั้นคือ การดีสเครดิตว่า ประธานกสทช. ไม่ดำเนินการตามกฎหมายทั้งๆที่ประธานฯวางตัวเป็นกลางมาตลอด แต่เมื่อการคัดเลือกแล้วได้ผู้สมัครที่ไม่ตรงความต้องการ ก็รวมเสียงกดดัน ศ.คลินิก สรณ เพื่อหวังใช้เสียงข้างมาก ยังดีที่งานนี้ประธานยึดหลักการ ไม่โอนเอนไปด้วย
กรรมการ กสทช.ส่วนหนึ่ง ที่พยายามบล็อกโหวตอยู่ขณะนี้ อาจจะมองแค่เกมการเมืองในกสทช. แต่ลืมไปว่าประชาชนเค้าเฝ้ามองอยู่ เกมถ่วงเวลาไม่ว่าจะกรณีควบรวมทรู-ดีแทค , การกำหนดเกณฑ์เองในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน และการบริการสังคม ไปจนถึงเรื่องการปลดรักษาการเลขาธิการ กสทช. กระทั่งการคัดเลือกเลขาธิการกสทช.คนใหม่ ล้วนไม่คืบหน้าก็เพราะกรรมการกสทช กลุ่มนี้หรือไม่ จนมีคนในกสทช.ตั้งคำถามถึงวุฒิภาวะในการทำงานแบบมืออาชีพและอยากเห็นการปกป้องประชาชนแต่ไม่ถ่วงความก้าวหน้าในการบริหารเช่นกัน