วันที่ 15 ส.ค.66 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ระบุว่า...
สามารถ 5 นาที โวย ระบบพิธาน่ากลัวกว่าระบบทักษิณ นิ่งดูดายไม่ได้ สังคมต้องช่วยกัน
วันนี้ นาย สามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แสดงความเห็นผ่านรายการสามารถ 5 นาทีว่า
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศครับ วันนี้ผมสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ก็จะมาสื่อสารกับพ่อแม่พี่น้องประชาชน ผ่านรายการสามารถ 5 นาที ช่องทางเฟสบุ๊คสามารถ เจนชัยจิตรวนิช และช่องทาง TikTok: jopstoploss ครับ
วันนี้จะมาสื่อสารกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนก็คือ เรื่องที่พ่อแม่พี่น้องส่งข้อมูลมาให้ผม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ส.ส.พรรคก้าวไกลมีการทำร้ายร่างกาย ทะเลาะวิวาทไปเมื่อวันก่อน ซึ่งผมก็ยังไม่เห็นพรรคก้าวไกลออกมาขอโทษประชาชนเรื่องนี้ ซึ่งสิ่งที่ผมอยากจะสื่อสารก็คือ เราเคยได้ยินนะครับระบบทักษิณ และก็มีคนพูดว่าระบบประยุทธ์ แต่สิ่งสำคัญที่สุด ระบบที่น่ากลัวที่สุดคือระบบพิธาครับ ระบบพิธาน่ากลัวยังไงครับ
คือตรวจสอบทุกคนแต่ไม่ตรวจสอบพวกตัวเองครับ เช่น คุณพิธานั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์ตอนเปิดตัวในการจับมือตั้งรัฐบาลถ้าจำกันได้ มีการรวมเสียงเป็นนายกรัฐมนตรี คุณพิธาบอกกลัวมาไม่ทันจึงนั่งซ้อนมอไซค์มาครับ ปรากฎว่าไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่เห็นมีคนออกไปต่อว่าคุณพิธาเลยครับแล้วก็ ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไป คุณพิธาก็ไม่ได้ไปจ่ายค่าปรับ คนขับรถมอไซค์คนนั้นก็ไม่ถูกปรับ เหมือนไม่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น
แต่ย้อนกลับไปผมจำได้สมัยพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกประกาศเรื่องการใส่หน้ากาก พอพลเอกประยุทธ์ไม่ใส่หน้ากาก กลุ่มทัวร์ลงพลเอกประยุทธ์ครับ ส่วนพลเอกประยุทธ์ยอมจ่ายค่าปรับ6,000บาท ถ้าผมจำไม่ผิด
แต่ในทางกลับกันระบบพิธาไม่ตรวจสอบพวกเดียวกัน แต่ตรวจสอบฝั่งตรงข้าม เรียกร้องให้ทุกคนเคารพสิทธิตัวเอง แต่สิทธิคนอื่นไม่เคารพ เช่น พอ สว. โหวตไม่เห็นด้วยก็เอาทัวร์ไปลง สว. เอาป้ายไปแปะไล่ สว. บ้าง นี่คือสิ่งที่ผมบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวครับ
ต่อมาในกรณี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลเมาแล้วขับ ยังไงก็ถูกให้ออกอยู่แล้วครับ แต่มาแสดงสปิริตบอกว่าลาออก เพราะยังไงศาลมีคำพิพากษาศาลให้จำคุกรอลงอาญายังไงต้องออกจากส.ส.ครับ
ส่วนอีกคนนึงมีโทษเคยจำคุกข้อหาเกี่ยวกับทรัพย์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติต้องห้ามการเป็นส.ส. ส.ส.ที่อยู่ระยองก็บอกว่ามาแสดงสปิริตลาออกครับ ยังไงก็ต้องออกอยู่แล้วครับ เพราะไม่มีสิทธิ์เข้ามาสมัคร ส.ส. แต่ต้น แต่ก็ไม่เห็นกระบวนการตรวจสอบทำอะไร ตรวจสอบตั๋วทุกใบ ตั๋วช้างตั๋วนี้ตรวจสอบหมด แต่ในทางกลับกัน ตั๋วปารีสไม่เห็นตรวจสอบ
นั่นก็คือสิ่งที่บอกว่าพอตัวเองได้ประโยชน์ก็ไม่ตรวจสอบ ถ้าเป็นพวกพ้องตัวเองก็ไม่ตรวจสอบ มีส.ส.ตลิ่งชันทำร้ายผู้หญิงเรื่องนี้ก็เงียบไป ก็เพราะอาจจะมีการไกล่เกลี่ยผู้หญิงยอมถอนแจ้งความ แต่เรื่องเหล่านี้ ที่ผมกำลังจะพูดให้ฟังว่าถ้าจะตรวจสอบคนอื่น ก็ต้องพร้อมถูกตรวจสอบด้วยเช่นเดียวกัน
นั่นคือระบบที่ผมพูดว่าน่ากลัวที่สุด คือการที่พยายามตรวจสอบคนอื่น แต่ปิดกั้นไม่ตรวจสอบพวกตัวเองเรื่องนี้อันตรายที่สุด
คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นสื่อไอทีวี วันนี้ก็ออกมาพูดว่าไอทีวีอยู่ไหน ช่องไหนมองไม่เห็น ก็ไอทีวีเขาเป็นสื่อแล้วตอนนี้ก็ร้องศาลปกครองอยู่ คุณพิธาก็เคยพูดตลอดครับว่า ตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดก็ยังคือผู้บริสุทธิ์
การที่คุณพิธาบอกว่า วันนี้ศาลสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่ก็ยังไม่ได้ถูกถอดถอน เพราะยังไม่มีคำสั่งศาล ก็เช่นเดียวกับบริษัทไอทีวีครับ ที่ยังไม่มีคำสั่งของศาลปกครองสูงสุดว่า สรุปปิดหรือเปิดครับ ในทางกลับกัน ถ้าศาลปกครองสูงสุดเขาสั่งให้ไอทีวีกลับมาดำเนินกิจการได้ ก็ดำเนินกิจการได้ทันทีครับ ฉะนั้นเรื่องนี้ คุณพิธา รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าไอทีวีเป็นสื่อหรือเปล่า
นั่นคือสิ่งที่ผมออกมาพูดว่า ระบบพิธามันน่ากลัวกว่าระบบอื่นๆครับ เพราะตรวจสอบทุกคนแต่ไม่ให้ตรวจสอบพวกตัวเอง ขอบคุณครับ