ด้วย โรงเรียนพระปริยัติธรรมสามัญวัดสระเรียง มีความมุ่งมั่น ตั้งใจและให้ความสำคัญในการพัฒนาผู้เรียน พระภิกษุสามเณร เพื่อเป็นศาสนทายาท สืบทอดพระพุทธศาสนาโดยตลอดระยะเวลา 29 ปีที่ผ่านมาผลการจัดการศึกษาที่ควรแก่การภาคภูมิใจคือ รางวัลโรงเรียนจัดการศึกษาดีเด่น ปี พ.ศ. 2547 และรางวัลโรงเรียนการจัดการศึกษาเพื่อสันติภาพ ปี พ.ศ. 2564


ล่าสุด พระครูพรหมเขตคณารักษ์, ดร. ผู้อำนวยการโรงเรียนพระปริยัติธรรมสามัญวัดสระเรียง ได้ต่อยอดการพัฒนาการศึกษาให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน จัดโครงการห้องเรียนแห่งความสุขอย่างชาญฉลาด (Happiness & Smart Classroom) พัฒนาการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์เมืองนครศรีธรรมราช  เพื่อพัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่ง คนกล้า และมีความสุข โดยเน้นการประหยัด ประยุกต์ และเกิดประโยชน์อย่างสูงสุดเป็นฟันเฟืองสำคัญของพระพุทธศาสนา  โดยได้มีทีมงานเครือข่ายที่สำคัญคือ วุฒิอาสา คลังสมอง เมืองนครศรีฯ และภาคีทุกภาคส่วน โดยมี แนวคิดในการสร้างห้องเรียนแห่งความสุขอย่างชาญฉลาด ที่สำคัญคือ....“เมืองนครเป็นเมืองแห่งนักปราชญ์   ดังความปรากฏในสมัยกรุงสุโขทัย  ศิลาจารึกหลักที่ 1 ว่า “พ่อขุนรามคำแหง กระทำโอยทานแก่มหาเถรสังฆราช ปราชญ์เรียนจบปิฎกไตรย หลวกกว่าปู่ครูในเมืองนี้ ทุกคนลุกแต่เมืองศรีธรรมราชมา” โดยอาจารย์ศักดิ์พงศ์ นิลไพรัช ได้จุดประกายทางความคิดว่า...พี่น้องชาวนครศรีฯ น่าจะร่วมกันคิดทำอะไรสักอย่าง เพื่อพัฒนาการศึกษาของลูกหลาน โดย  “ผ่านห้องเรียนแห่งความสุขอย่างชาญฉลาด” เพื่อพัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่ง คนกล้า และมีความสุข โดยเน้นการประหยัด ประยุกต์ และเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด   


โรงเรียนพระปริยัติธรรมสามัญวัดสระเรียง ได้เล็งเห็นประเด็นสำคัญดังกล่าว จึงมีความมุ่งมั่น ตั้งใจและให้ความสำคัญในการพัฒนาผู้เรียน พระภิกษุสามเณร เพื่อเป็นศาสนทายาท สืบทอดอายุ พระพุทธศาสนา ให้มีความสุข โดยได้เชิญนักปราชญ์ นักคิด นักพัฒนา นักจิตอาสา ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการศึกษา ได้มาร่วมกันคิด ร่วมกันออกแบบ สร้างห้องเรียนที่สามารถสร้างบรรยากาศให้เด็กอยากรู้อยากเห็น ใฝ่รู้ใฝ่เรียน รักในการเรียนรู้ ผู้เรียนเห็นคุณค่าในการเรียนรู้ เป็นพื้นที่ปลอดภัย มีความไว้วางใจกัน ระหว่างครูกับนักเรียน ระหว่างนักเรียนกับเพื่อน นำไปสู่การกล้าคิด กล้าพูดคุย กล้าถาม เรียนรู้ร่วมกัน ช่วยเหลือ เกื้อกูลกันอย่างมีความสุข สืบไป แนวทางโดยสรุปดังนี้


1. ด้านการบริหารการศึกษา เพื่อให้เกิดคุณภาพอย่างสูงสุด จึงได้นำหลักธรรมที่สำคัญมาแป็นฐานประยุกต์กับศาสตร์แห่งการบริหารสมัยใหม่ อันจะนำไปสุ่สังคมอุดมทางปัญญพุทธธรรม เช่น 1) หลักทิศ 6   2)หลักอิทธิบาท 4  3) หลักอริยสัจ 4   4) หลักหัวใจนักปราชญ์    5) หลักพหูสูต  6) ไตรสิกขา เป็นต้น

2. ด้านครูผู้สอน   จัดอบรมครู เพื่อสร้างความตระหนักรู้ ยอมรับ ปรับตัว เปลี่ยนใจ ให้ได้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบใหม่ -ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสอน  เพื่อร่วมสร้าง “นวัตกรรมแห่งการเรียนรู้ จาก พุทธปัญญา สู่การพัฒนาการศึกษาไทย”

สำหรับวิธีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบใหม่นี้ ผู้เรียนอาจจะไม่ต้องนำอะไรมาโรงเรียนฯ  ทุกอย่างทางโรงเรียนจัดเตรียมไว้ให้พร้อมใช้  ตามหลักคิดที่ว่า “มาเพื่อรับ กลับไป รับใช้สังคม”  “มามือเปล่า เอาความรู้ ความดี กลับไปพัฒนาสังคม” 

3. ด้านผู้เรียน  เมื่อผู้เรียรจบการศึกษาแล้วเกิดลักษณอันพึงประสงค์ เช่น  1) มีความรู้ดี      2) มีความฉลาด  3) มีความสามารถดี  4) ความประพฤติดี     5) มีสุขภาพดี    6) มีงานทำที่ดี  เมื่อจบการศึกษาแล้วผู้เรียนได้รับวุฒิบัตร 3 ใบ คือ   1) ด้านความดี   2) ด้านความรู้     3) ด้านทักษะชีวิต  

4. ด้านสื่อ และเทคโนโลยีแห่งการเรียนรู้  การใช้สื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอย่างครบวงจรและเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด

5. ด้านสิ่งแวดล้อม อาคาร- สถานที่  บริหารจัดการพื้นที่ก่อให้เกิดบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ มีความเป็นรมณีย์ ร่มรื่น , ปสาทณีย์ ชื่นใจ และกัมมณีย์  ใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด 

โครงการนี้มีความต้องการพัฒนาผู้เรียนให้เรียนรู้ด้วยตนเองอย่างมีความสุข มีคุณธรรม จริยธรรม เกิดคุณภาพอย่างยั่งยืน ผู้เรียนสามารถพัฒนาได้ เรียนรู้ได้อย่างมีความสุข