บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ผู้ให้บริการทางพิเศษและรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง ผู้นำด้านการให้บริการระบบคมนาคมขนส่งที่ครบวงจร ได้รับคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 อย่างต่อเนื่องในปีนี้ โดยเป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ในกลุ่มธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ (Transportation & Logistics) จากการประเมิน 888 หลักทรัพย์จดทะเบียน
ดร.สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า BEM ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน โดยเดินหน้าดำเนินธุรกิจภายใต้นโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน หรือ (ESG) มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยพันธกิจในการส่งมอบการบริการคมนาคมขนส่งที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วเสียทุกกลุ่มอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน
“BEM มีความมุ่งมั่นในการส่งมอบบริการระบบทางพิเศษ และระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการเดินทางด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในทุกๆวัน พร้อมขยายโครงข่ายระบบคมนาคมขนส่งที่ทันสมัยเพื่อแก้ปัญหาจราจร และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยดำเนินงานบนพื้นฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของบริษัท สังคม และประเทศชาติ”
ทั้งนี้การจัดอันดับของสถาบันไทยพัฒน์ พิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่เก้าในปีนี้
ขณะที่การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป