กลายเป็นเหตุเศร้าสลด! หลังเกิดเหตุ "ถังดับเพลิงระเบิด" ภายในโรงเรียนราชวินิต มัธยม ย่านนางเลิ้ง กรุงเทพฯ ระหว่างการซ้อมดับเพลิง ส่งผลให้มีนักเรียนชาย เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีกว่า 20 ราย เมื่อช่วงสายของวันที่ 23 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบ "ถังดับเพลิง" ซึ่งเป็นถังต้นเหตุที่เกิดระเบิดเป็นถังดับเพลิงสีแดง ประเภท "CO2" 

โดยสาเหตุของการระเบิด "รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์" หรือ "อาจารย์อ๊อด" นักวิชาการ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ออกมาระบุถึงสาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดระเบิดได้ มีอยู่ 2 อย่าง คือ

1.ถังเก่า ไม่มีการ Maintenance เกิดการขึ้นสนิม ทำให้ภาชนะเหล็กที่อยู่ด้านนอกไม่สามารถทน ต่อแรงดันที่ขยายจากด้านในได้ ในระหว่างการใช้มีการปลดปล่อยสารคาร์บอนไดออกไซด์และทางดับเพลิงไปบางส่วน หรือแรงดันที่ยังสูงอยู่ทำให้เกิดการฉีกขาด หรือไม่ก็การบรรจุใหม่ เช่นถังเก่าที่พ่นไปแล้วและเกิดการบรรจุใหม่ ที่บรรจุก๊าซเกินกว่าที่ถังจะรับไหว

 2.อีกกรณีคืออยู่ในจุดที่มีความร้อนสูง ก็จะเกิดการขยายตัว เช่น วางตากแดดทิ้งไว้ ทำให้ถังเกิดการขยายตัว ส่วนจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของผู้ใดหรือไม่ อันนี้ต้องให้เจ้าหน้าที่สืบสวนต่อไป และถือว่าเป็นบทเรียนและการถอดบทเรียน อย่างไรก็ดีเป็นเรื่องที่ดีในการสอนดับเพลิง แต่อุปกรณ์ที่ใช้ในการสอนจะต้องได้รับมาตรฐานและมีความปลอดภัยด้วย

-ถังดับเพลิงสีแดง หรือ ถัง CO2 คือแบบไหน...?

ถังดับเพลิงชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ( CO2 ) ถังดับเพลิงชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Carbon Dioxide Extinguishers ข้างในถังจะบรรจุก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อฉีดออกมาจะมีลักษณะเป็นไอเย็นจัด คล้ายกับน้ำแข็งแห้ง ช่วยลดความร้อนของเพลิงไหม้ได้ เครื่องดับเพลิงชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนใหญ่ตัวถังจะมีสีแดง และบริเวณปากหัวฉีดจะกว้างมากกว่าถังดับเพลิงชนิดอื่นๆ 

ถังดับเพลิงชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สามารถดับเพลิงไหม้ประเภท B ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อเพลิงที่เป็นของเหลวที่สามารถติดไฟ และก๊าซที่สามารถติดไฟได้  โดยของเหลวที่สามารถติดไฟมักมีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำมันดิบ น้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าซ ที่สามารถพบได้ตามปั๊มน้ำมัน หรือโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น และโรงงานที่ผลิตสีบางชนิด โดยเพลิงประเภท B สามารถดับได้ด้วยการตัดออกซิเจนในอากาศ 

และปรพเภท C ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อเพลิงที่เป็นของเหลวที่สามารถติดไฟ และก๊าซที่สามารถติดไฟได้  โดยของเหลวที่สามารถติดไฟมักมีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำมันดิบ น้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าซ ที่สามารถพบได้ตามปั๊มน้ำมัน หรือโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น และโรงงานที่ผลิตสีบางชนิด โดยเพลิงประเภท B สามารถดับได้ด้วยการตัดออกซิเจนในอากาศ ได้ ถังดับเพลิง Co2 จึงเหมาะสำหรับดับเพลิงในโรงงานขนาดใหญ่ โรงอาหาร และห้องเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 

- ประเภทของเพลิงไหม้มีอะไรบ้าง แต่ละ class คืออะไร...?
ถังดับเพลิงมีกี่ชนิด ? ถังดับเพลิงแบ่งตามการใช้งาน และสาเหตุหลักของการเกิดเพลิงไหม้ที่มีองค์ประกอบ 3 องค์ประกอบ ได้แก่ ความร้อน อากาศ และเชื้อเพลิง ซึ่งเชื้อเพลิงเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดประเภทเพลิงแต่ละประเภท โดยสามารถแบ่งประเภทเพลิงออกเป็นทั้งหมด 5 ประเภท นั่นคือเพลิง class A, class B, class C, class D และ class K เพลิงแต่ละชนิดมีรายละเอียดดังนี้ 

- เพลิงไหม้ประเภท A (Ordinary Combustibles)
เพลิงไหม้ class A มีสาเหตุมาจากเชื้อเพลิงธรรมดาที่ติดไฟง่าย หรือของแข็ง ที่สามารถพบได้ทั่วไปตามอาคาร ที่พักอาศัย ห้างสรรพสินค้า เช่น ไม้ ผ้า ขยะ พลาสติก กระดาษ เป็นต้น ซึ่งเพลิงประเภท A สามารถดับได้ด้วยน้ำเปล่า

- เพลิงไหม้ประเภท B (Flammable Liquids)
เพลิงไหม้ class B มีสาเหตุมาจากเชื้อเพลิงที่เป็นของเหลวที่สามารถติดไฟ และก๊าซที่สามารถติดไฟได้  โดยของเหลวที่สามารถติดไฟมักมีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำมันดิบ น้ำมันเบนซิน น้ำมันก๊าซ ที่สามารถพบได้ตามปั๊มน้ำมัน หรือโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น และโรงงานที่ผลิตสีบางชนิด โดยเพลิงประเภท B สามารถดับได้ด้วยการตัดออกซิเจนในอากาศ 

- เพลิงไหม้ประเภท C (Electrical Equipment)
เพลิงไหม้ class C มีสาเหตุมาจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีกระแสไฟฟ้าไหลเวียนอยู่ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ไหลเวียนอยู่ตลอดเวลาทำให้เกิดความร้อนสูง หากอุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุดอาจจะทำให้เกิดไฟฟ้าจัดวงจรและเกิดเพลิงไหม้ได้ โดยเพลิงไหม้ประเภท C จำเป็นต้องตัดระบบไฟฟ้าก่อนทำการดับเพลิงทุกครั้ง 

- เพลิงไหม้ประเภท D (Combustible Metals)
เพลิงไหม้ class D มีสาเหตุมาจากโลหะที่สามารถติดไฟได้ ที่สามารถพบได้ตามห้องปฏิบัติการ ห้องทดลอง และโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานโลหะ เช่น Titanium, Aluminium, Potassium และ Magnesium เป็นต้น โดยเพลิงประเภท D ไม่สามารถดับเพลิงได้ด้วยน้ำเปล่า

- เพลิงไหม้ประเภท K (Combustible Cooking)
เพลิงไหม้ประเภทนี้มีสาเหตุมาจากน้ำมันที่ใช้ในครัว ไขมันสัตว์ ของเหลวที่ใช้ประกอบอาหาร สามารถพบได้ตามห้องครัว ร้านอาหาร หรือห้องอาหารตามโรงแรม เป็นต้น 

- ถังดับเพลิงมีกี่ชนิด...? 
ถังดับเพลิงแต่ละชนิดเหมาะกับการดับเพลิงประเภทใด ? ถือเป็นคำถามที่ได้ยินบ่อยๆ ในความเป็นจริงแล้วการใช้ถังดับเพลิงผิดชนิดอาจทำให้เกิดอันตรายมากกว่าเดิม เนื่องจากสารที่บรรจุในถังดับเพลิงแต่ละประเภทแตกต่างกัน การใช้จึงแตกต่างกัน ดังนั้นควรเลือกถังดับเพลิงให้ถูกประเภทและเหมาะสมกับการใช้งาน โดยถังดับเพลิงประเภทต่างๆ  มีดังนี้ 

- ถังดับเพลิงชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ( CO2 )
ถังดับเพลิงชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ Carbon Dioxide Extinguishers ข้างในถังจะบรรจุก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อฉีดออกมาจะมีลักษณะเป็นไอเย็นจัด คล้ายกับน้ำแข็งแห้ง ช่วยลดความร้อนของเพลิงไหม้ได้ เครื่องดับเพลิงชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนใหญ่ตัวถังจะมีสีแดง และบริเวณปากหัวฉีดจะกว้างมากกว่าถังดับเพลิงชนิดอื่นๆ 

ถังดับเพลิงชนิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สามารถดับเพลิงไหม้ประเภท B และ C ได้ ถังดับเพลิง Co2 จึงเหมาะสำหรับดับเพลิงในโรงงานขนาดใหญ่ โรงอาหาร และห้องเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 

- ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง (Dry Chemical)
ข้างในถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้งจะบรรจุผงเคมีแห้ง และอัดก๊าซไนโตรเจนที่มีคุณสมบัติในการระงับปฏิกิริยาเคมีของการเกิดเพลิงไหม้ได้ เมื่อฉีดออกมาจะมีลักษณะเป็นฝุ่นผงเคมี ฟุ้งกระจายทั่วบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้งส่วนใหญ่ตัวถังจะมีสีแดง โดยถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง ถือเป็นถังดับเพลิงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีราคาถูก หาซื้อได้ง่าย และสามารถใช้ดับเพลิงไหม้ได้หลายประเภท 

ถังดับเพลิงชนิดนี้สามารถใช้ดับเพลิงไหม้ประเภทA, B และ C และเหมาะกับการใช้ภายในอาคาร บ้านพัก ที่อยู่อาศัย และโรงงานอุตสาหกรรม 

- ถังดับเพลิงชนิดโฟม (Foam Extinguishers)
ถังดับเพลิงชนิดโฟม หรือ Foam Extinguishers ในถังจะบรรจุน้ำผสมโฟมเข้มข้น AR AFFF เมื่อฉีดออกมาแล้วจะมีลักษณะเป็นฟองโฟมปกคลุมเชื้อเพลิงที่ลุกไหม้ ทำให้เพลิงขาดออกซิเจน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ ถังดับเพลิงชนิดโฟมตัวถังมักมีสีเงิน และหัวฉีดยาวกว่าหัวฉีดถังดับเพลิงประเภทอื่นๆ

ถังดับเพลิงชนิดโฟมสามารถใช้ดับเพลิงไหม้ประเภท A และ B จึงเหมาะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิง และสารระเหยติดไฟ และปั๊มน้ำมัน  ข้อควรระวังของถังดับเพลิงชนิดโฟม คือ ไม่สามารถใช้กับเพลิงไหม้ประเภท C ได้ เพราะถังดับเพลิงชนิดโฟมสามารถนำไฟฟ้าได้

- ถังดับเพลิงชนิดน้ำ (Water Extinguishers)
ถังดับเพลิงสูตรน้ำ หรือ Water Extinguishers ภายในถังจะบรรจุน้ำธรรมดาและก๊าซ ตัวถังมักเป็นสีฟ้า หรือ สีเงิน อาจจะทำให้สับสนกับถังดับเพลิงชนิดโฟม ควรระมัดระวังในการเลือกซื้อใน ถังดับเพลิงประเภทนี้สามารถใช้ดับเพลิงไหม้ประเภท A ได้ จึงเหมาะกับภายในอาคาร บ้านพัก ที่อยู่อาศัย 

- ถังดับเพลิงสูตรน้ำ (Low Pressure Water Mist) 
ถังดับเพลิงสูตรน้ำ หรือ ถังดับเพลิงสูตรละอองน้ำแรงดันต่ำ PurePlus ถังดับเพลิงชนิดนี้พิเศษกว่าถังดับเพลิงชนิดน้ำ สามารถดับเพลิงไหม้ได้มากถึง 4 ประเภท ได้แก่ เพลิงไหม้ประเภทA, B, C และ K ภายในถังบรรจุน้ำสิทธิ์สูง และน้ำ PurePlus ที่มีคุณสมบัติในการดึงความร้อนออกจากเชื้อเพลิงได้เร็วกว่าการใช้น้ำปกติ ทำให้อุณหภูมิความร้อนลดลงอย่างรวดเร็ว ไม่เป็นสื่อกลางในการนำไฟฟ้า และ น้ำยา PurePlus สามารถยับยั้งกระบวนการ Pyrolysis ของเชื้อเพลิง

อีกหนึ่งคุณสมบัติพิเศษของถังดับเพลิงสูตรน้ำ คือสามารถช่วยป้องกันการปะทุของเพลิงไหม้ซ้ำ เหมาะสำหรับติดตั้งไว้ที่ อาคารสำนักงาน บ้านพัก โรงแรม โรงงานอุตสาหกรรม และสถานที่ทั่วไป

- ถังดับเพลิงชนิดน้ำยาเหลวระเหย (Clean Agent) 
ถังดับเพลิงชนิดน้ำยาเหลวระเหยในถังจะบรรจุสารฮาโลตรอน (Halotron) หรือสาร HFC-236fa (FE-36) ซึ่งในปัจจุบันนิยมใช้สาร HFC-236fa มากกว่าเนื่องจากมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับสารฮาโลตรอน ไม่ทิ้งคราบตกค้าง ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ทำลายบรรยาอากาศ โดยตัวถังจะมีลักษณะเป็นสีเขียว เพื่อเป็นการบอกว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และผู้ใช้งาน 

ถังดับเพลิงชนิดน้ำยาเหลวระเหยสามารถใช้ดับเพลิงไหม้ประเภทA, B, C จึงเหมาะกับการใช้งานในห้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าสูง หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรือ เครื่องบิน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 

- ถังดับเพลิง wet chemical (ดับไฟ class k)
ถังดับเพลิง wet chemical class k ภายในถังจะบรรจุสารดับเพลิง Potassium Acetate สำหรับใช้ดับเพลิงประเภท K หรือเพลิงไหม้ที่เกิดจากน้ำมันที่ใช้ในการประกอบอาหาร ไขมันสัตว์ ถังดับเพลิงประเภทนี้จึงเหมาะกับการดับเพลิงในครัว ร้านอาหาร โรงอาหาร เป็นต้น 

ทั้งนี้มีหลายคนที่ถามว่าถังดับเพลิงมีกี่ขนาด หรือ ถังดับเพลิงมีกี่ปอนด์ ? ขนาดของถังดับเพลิงชนิดมือถือมีหลายขนาดเพื่อให้เหมาะสมกับสถานที่และการใช้งาน มีตั้งแต่ขนาด ถังดับเพลิงขนาด 2 ปอนด์, 5 ปอนด์, 10 ปอนด์, 15 ปอนด์, 20 ปอนด์, 50 ปอนด์ และ 110 ปอนด์

 

#แก๊สระเบิด #ราชวินิต #ราชวินิตมัธยม #โรงเรียนราชวินิตมัธยม #ถังดับเพลิงระเบิด #ระเบิด