“เวฟ บีซีจี” ผนึกกำลัง “เอวา ฟาร์ม 888” ผุดโปรเจคใหญ่ เซ็นเอ็มโอยู ดำเนินโครงการปลูกต้นไม้สร้างคาร์บอนเครดิตในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผย”ซิลเวอร์โอ๊ค” ที่ปลูกในไทยช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าต้นสัก 5-7 เท่าเหมาะเป็นพืชเศรษฐกิจที่ดี
นายเจมส์ แอนดริว มอร์ ประธานกรรมการ บริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด หรือ WAVE BCG พร้อมด้วย นายสมิทร เหลี่ยมมณี ผู้อำนวยการโครงการปลูกต้นไม้เพื่อคาร์บอนเครดิต เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้มีการลงนามความร่วมมือ (MOU) กับห้างหุ้นส่วนจำกัด เอวาฟาร์ม 888 หรือ Ava Farm 888 ซึ่งเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายพันธุ์ต้นไม้ซิลเวอร์โอ๊ค โกลเด้นโอ๊ครายใหญ่ของประเทศไทย มีจุดประสงค์เพื่อดำเนินโครงการการปลูกต้นไม้เพื่อคาร์บอนเครดิตในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยทั้งสองบริษัทได้ดำเนินการค้นคว้าและวิจัยร่วมกัน โดย Ava Farm 888 เป็นผู้ดำเนินการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ ขยายพันธุ์ และจัดจำหน่ายต้นซิลเวอร์โอ๊คให้กับ WAVE BCG จากการร่วมมือในการวิจัยพบว่าต้นซิลเวอร์โอ๊คที่ปลูกในประเทศไทยสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าต้นสักทั่วไปในไทย 5-7 เท่า ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ WAVE BCG ตั้งเป้าให้เป็นต้นไม้เพื่อเศรษฐกิจให้กับเกษตรกรพืชสวนและพืชไร่ เพื่อสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิตด้วยเช่นกัน
นายเจมส์กล่าวอีกว่า WAVE BCG ได้เดินหน้าโครงการและกิจกรรมต่างๆเพื่อตอบสนองต่อนโยบายประเทศไทยที่ตั้งเป้าคาร์บอนเป็นศูนย์ที่ปี 2050 และก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ปี 2065 โดยโครงการปลูกต้นซิลเวอร์โอ๊คนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ ซึ่งสามารถช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศโดยวิธีการธรรมชาติ (Nature-Based Solutions) นอกจากการเดินหน้าโครงการในประเทศไทยแล้ว WAVE BCG ยังได้ขยายโครงการสู่ประเทศต่างๆในอาเซียนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อการมุ่งสู่โครงการลดโลกร้อน จึงเป็นที่มาของความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อจัดหาและให้คำปรึกษาในการเดินหน้าโครงการปลูกซิลเวอร์โอ๊คทั้งในและต่างประเทศ