บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป แง้มผลงานไตรมาส 2 แนวโน้มดีโตตามคาด ย้ำชัดครึ่งปีหลังยิ่งแข็งแกร่ง มั่นใจรายได้รวมเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ จากการเปิดตัวสินค้าและบริการใหม่ๆ รวมไปถึงเม็ดเงินที่เพิ่มขึ้นจากการขายสื่อโฆษณาและการจัดกิจกรรมอาทิ คอนเสิร์ต มิวสิคเฟสติวัล และอีเวนท์ย่อยต่างๆที่อัดแน่นตลอดทั้งปี ส่วน RS pet all หลังจากเข้าไปลงทุนใน Hato Pet Wellness แล้วเผยความคืบหน้าพร้อมเปิดแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกในไตรมาส 3 ขณะที่บริษัทเล็งปิดดีล M&A และ JV กับพาร์ทเนอร์ทั้งจากในและต่างประเทศในปีนี้อีก 3 ดีล ซึ่งจะมาเป็นแรงหนุนให้ระบบนิเวศทางธุรกิจของ อาร์เอส เติบโตสอดรับกับ โรดแมปและโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ตามที่บริษัทฯ ได้กำหนดไว้

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาพบว่าธุรกิจมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ของ อาร์เอส กรุ๊ป เติบโตขึ้นสวนกระแสตลาด โดยมีรายได้จากการขายสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปี 2566 สูงถึง 60% ตอกย้ำความสำเร็จของกลยุทธ์รวมศูนย์การบริหารการขายทุกสื่อโฆษณาให้มาอยู่ภายใต้สายงานการตลาดและขายสื่อโฆษณา (Media Sales and Marketing) ซึ่งมีจุดแข็งมาจากความยืดหยุ่นในการทำงานให้ตอบโจทย์การใช้งบประมาณของลูกค้าอย่างคุ้มค่าและช่วยลูกค้าวางแผนการสื่อสารเพื่อสร้างความรับรู้และ Engagement แบบ 360 องศา ทั้งในช่องทางออนแอร์บนจอโทรทัศน์และคลื่นเพลงคูลฟาเรนไฮต์ รวมถึงช่องทางออนไลน์และการจัดกิจกรรมออนกราวนด์ ขณะที่รายได้จากธุรกิจคอมเมิร์ซก็มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน มีการปรับแผนการตลาดและการทำโปรโมชั่นให้เหมาะสมกับการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค รวมทั้งเติบโตขึ้นตามเทรนด์ โดยเฉพาะ Lifemate แบรนด์ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง ที่รายได้เติบโตต่อเนื่องจากกระแส Pet Humanization และความหลากหลายของสินค้าจากจำนวน SKUs ที่เพิ่มขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของ อาร์เอส กรุ๊ป ในช่วงครึ่งปีแรก มีดังนี้ สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ปรับตัวครั้งใหญ่ เน้นสร้างความแข็งแกร่งให้รายการข่าว โดยจัดทัพรายการข่าวใหม่ทั้งหมดภายใต้สโลแกน “ข่าวช่อง 8 ที่นี่ของจริง” ที่นำโดย พุทธ อภิวรรณ ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายข่าวและผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ส่งผลให้เรตติ้งพุ่งแรงต่อเนื่อง ล่าสุดคว้าผู้ประกาศข่าวฝีมือฉมัง “จิตดี ศรีดี” และ “ต้นกล้า ชัยอนันต์” มาร่วมเสริมทัพ ในรายการ “ข่าวใหญ่” ที่มาพร้อมคอนเซปต์ “เล่าเรื่องเด่น..เล่นเรื่องใหญ่”

โดยการปรับตัวที่รวดเร็วของธุรกิจมีเดียและเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เริ่มจากการปรับโครงสร้างธุรกิจมีเดียเป็นกลุ่มธุรกิจ RS Multimedia เน้นการสร้างคอนเทนต์บนทุกแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะการบุกช่องทางออนไลน์ อาทิ รายการแย่งซีน ที่ได้แพรรี่ ไพรวัลย์ มานั่งเป็นพิธีกรในรายการที่ได้กระแสแรงในทุกตอนและมียอดการเข้าชมทาง YouTube รวมกันเกือบ 14 ล้านวิว นอกจากนี้ ยังใช้ประโยชน์จากช่องทางการสื่อสารในเครืออย่างคุ้มค่าและครบวงจร เพื่อเข้าถึงลูกค้าและช่วยให้สปอนเซอร์เจอลูกค้าในทุกทัชพอยท์ อาทิ การวางแผนใช้สื่อโฆษณาทั้งทางช่อง 8 และคูลฟาเรนไฮต์ ทำมิวสิคมาร์เก็ตติ้ง รวมไปถึงการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสินค้ากับผู้บริโภค อาทิ กิจกรรม “แซ่บซิ่งอีสานตลาดแตก” ของช่อง 8 ที่ได้รับความสนใจและมีผู้เข้าร่วมงานทะลุเป้ากว่า 300% การจัด COOL Summer Fest 2023 ของ COOLive ที่มีผู้เข้าชมกว่าหมื่นคน เป็นต้น

ขณะที่การกลับมาบุกตลาดเพลงอีกครั้งของ RS Music  เริ่มจากการเปิดรับศิลปินหน้าใหม่ผ่านการออดิชันภายใต้โปรเจค ‘RS Newcomers’ ซึ่งมีผู้สมัครอย่างล้นหลาม และจะทำการคัดเลือกเข้ามาออดิชันรอบแรก ในวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายนนี้ จำนวน 1,000 คน ในขณะที่โปรเจค ‘RS Homecoming’ หลังจากปล่อยความน่ารักของเพลง "Call Me Daddy" - Beam ft. Thee Phee ไปแล้วนั้น ก็ได้รับความสนใจจนติดเทรนด์มาแรงอันดับ 1 ใน YouTube และมียอดวิวพุ่งทะลุ 1 ล้านวิวภายใน 3 วัน ส่วนพันธมิตรต่างชาติที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจเพลงนั้น พร้อมเปิดตัวเร็วๆ นี้ และเตรียมแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อเตรียมนำ RS Music เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ ยังมีการประกาศการจัดคอนเสิร์ต D2B ETERNITY CONCERT: 22 ปีนับตั้งแต่วันที่ฉันรักเธอ ที่จะจัดขึ้นโดย COOLive ในวันที่ 5-6 สิงหาคม 2566 ซึ่งจากคลิปทีเซอร์เพื่อโปรโมทคอนเสิร์ต ก็สร้างกระแสไวรัล ทำให้ผู้คนพูดถึงความคิดถึงและความผูกพันที่มีมาอย่างยาวนานกับวง D2B บนทุกสื่อโซเชียลมีเดีย

ทั้งนี้หลังจากการตั้งกิจการร่วมค้า Across the Universe กับทางแกรมมี่ และมีการเปิดขายบัตร GRAMMY x RS : 90’s Versary Concert ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตแรกที่ทั้งสองบริษัทได้ตั้งใจทำร่วมกันไปแล้วนั้น ก็ทำให้เกิดปรากฏการณ์บัตรกว่า 2 หมื่นที่นั่ง Sold Out อย่างรวดเร็ว และจากความสำเร็จนี้ จึงทำให้ทางผู้จัดงานเปิดตัวอีกหนึ่งคอนเสิร์ตตามมาทันที ภายใต้ธีม GRAMMY x RS : 2K Celebration Concert ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 9-10 กันยายน 2566 และจะขายบัตรในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้

สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง ไฮไลท์สำคัญในส่วนของกลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ซ ที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโตไปตามทิศทางที่วางไว้ ทั้งในแง่การสร้างรายได้และสร้างอิมแพ็คให้ อาร์เอส กรุ๊ป ก้าวสู่การเป็น Life Enriching ไปอีกขั้นได้แก่ ธุรกิจ RS pet all ที่ได้เริ่มดำเนินธุรกิจ Pet Wellness จากการเข้าลงทุนถือหุ้น 51% ใน Hato Pet Wellness Center เมื่อช่วงเดือนเมษาที่ผ่านมาแล้วนั้น ในไตรมาส 3 ของปีนี้พร้อมแล้วที่จะเปิดตัว PET ALL MY LOVE ซึ่งเป็นรีเทลช็อปครบวงจรที่มีทั้งสินค้าและบริการสำหรับสัตว์เลี้ยง โดยจะเปิดแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรก ย่านใจกลางเมืองบนถนนลาดพร้าว จำหน่ายสินค้า และให้บริการอาบน้ำ-ตัดขนสุนัขและแมวซึ่งมีจุดเด่นที่การแยกพื้นที่ในการให้บริการสุนัขและแมวออกจากกันอย่างชัดเจน รวมถึงมีสัตวแพทย์ประจำสาขาเพื่อตรวจอาการเบื้องต้นและให้คำแนะนำในการใช้ยาในโซนขายยาสำหรับสัตว์เลี้ยงตลอดเวลาทำการด้วย นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มให้ครบ 10 สาขาภายในสิ้นปี ทั้งในใจกลางกรุงเทพฯ และในเขตปริมณฑล

ขณะที่ RS LiveWell มีแผนออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในหมวดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามภายใต้แบรนด์ใหม่ภายในไตรมาส 3 นี้ สำหรับแบรนด์ Lifemate ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งขนมสำหรับสุนัข ขนมแมวเลีย รวมไปถึงอาหารเม็ดสำหรับสุนัขและแมวที่มีการปรับแพคเกจจิ้งเร่งการสร้างภาพลักษณ์เจาะกลุ่ม Premium Mass และปรับสูตรอาหารเป็นสูตร Grain-free ปราศจากส่วนผสมของธัญพืชที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ต่อสัตว์เลี้ยง เพื่อส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงที่สุด

“แต่ละกลุ่มธุรกิจในเครืออาร์เอส กรุ๊ป เรามีการวางแผนให้สอดคล้องกับโรดแมปขององค์กร และอาจมีการปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อ “ยกระดับในทุกมิติการใช้ชีวิต” หรือเป็น Life Enriching ให้กับลูกค้าของเรา ซึ่งมุ่งมั่นในการสร้างประสบการณ์แห่งความสุขไปพร้อมกับการสร้างคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คนและสัตว์เลี้ยง โดยขณะนี้นอกจากการเพิ่มสินค้าและบริการใหม่ๆแล้วเรายังมองหาและเปิดเจรจากับพาร์ทเนอร์ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำความเชี่ยวชาญใหม่ๆ เข้ามาต่อยอดและส่งเสริมให้ธุรกิจของ อาร์เอส กรุ๊ป เติบโตอย่างยั่งยืนภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce คาดว่าจะมีอีกประมาณ 3 ดีล ที่จะเกิดขึ้นภายในสิ้นปี 2566 ซึ่งจะส่งผลให้รายได้และการเติบโตของแต่ละกลุ่มธุรกิจเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้”นายสุรชัยกล่าว