วันที่ 11 มิถุนายน 2566 สภาวัฒนธรรม ระดับแขวง เขตดอนเมืองทั้ง3แขวง เข้าร่วมประเพณีทางพระพุทธศาสนาที่สำคัญอันเป็นประเพณีมรดกไทยของกรุงเทพมหานคร โดยมีนายสุเมธ อมรศรีวรากุล ผู้อำนวยการเขต ยานนาวา ฝ่ายฆราวาส เป็นประธาน พร้อม นาย อิทธิพล อิงประสาร ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขต ยานนาวา และ นางสาว อรชา มุ้ยเสมา ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตยานนาวา ในงานอัฏฐมีบูชา วัดด่าน พระราม ๓ เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนานซึ่งบูรพาจารย์และสาธุชนชาววัดด่านจัด ขึ้นเป็นประจำทุกปี คือ งานอัฏฐมีบูชา หรือเรียกอีกอย่างว่างานถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระพระพุทธเจ้าองค์จำลอง ซึ่งชาวบ้านแถวนี้จะเรียกว่า “งานเผาศพพระพุทธเจ้า” ในอดีตจัดงานสองวัน คือ แรม ๗ ค่ำ เดือน ๖ ตั้งโรงพิธีโดยใช้เมรุลอยโบราณตั้งขึ้นแล้วทำพิธีกรรม มีเทศน์แจงแบบชาวบ้านทำ โดยพิธีเทศน์แจงจะทำกันในวันสุดท้าย คือ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๖ เมื่อถึงเวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น. ถึง ๑๗.๐๐ น. จึงประกอบพิธี มีการบรรยายภาพเหตุการณ์ตอนถวายพระเพลิง แล้วจึงทำพิธีโปรยถั่วต้มซึ่งสมมติขึ้นเป็นพระบรมสารีริกธาตุเป็นอันจบพิธี ภายหลังเมื่อบ้านเมืองเจริญขึ้นประเพณีสำคัญนี้จึงยุติลต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๔๕ พระครูสถิตบุญวัฒน์ หลังจากได้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด ท่านได้พยายามศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับวันอัฏฐมีบูชาเพิ่มเติม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมหาปรินิพพานสูตร ซึ่งได้กล่าวถึงพิธีการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระพระพุทธเจ้าไว้อย่างละเอียด จึงได้ชักชวนชาววัดด่านและตำบลใกล้เคียงฟื้นฟูงานดังกล่าวขึ้นมาใหม่ โดยได้รับความอุปถัมภ์จาก นาย สุเมธ อมรศรีวรากุลผู้อำนวยการเขตยานนาวาเข้ามาร่วมดำเนินการ จนมีผู้สนใจใฝ่รู้มากขึ้น จึงได้จัดเป็นพิธีมหาบูชาอย่างสมบูรณ์ ไม่มีมหรสพหรือการแสดงยั่วยุใดๆ ทั้งสิ้น งานอัฏฐมีบูชาที่วัดด่านจึงเป็นงานบูชาคุณของพระพุทธเจ้าอย่างบริสุทธิ์