สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ให้การต้อนรับ ฯพณฯ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือและแลกเปลี่ยนนโยบายระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน การถ่ายทอดความรู้ด้านเทคโนโลยี รวมถึงการสร้างความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Security) ที่ห้องประชุม Passion (802) ชั้น 8 ส.อ.ท.
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นำคณะกรรมการบริหาร ส.อ.ท. พร้อมด้วยนายอรุณ เอี่ยมสุรีย์ ประธานสถาบันเศรษฐกิจและการลงทุนไทย-จีน ร่วมประชุมหารือกับ ฯพณฯ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และคณะติดตาม ในโอกาสให้เกียรติเยือน ส.อ.ท. โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส.อ.ท. เป็นตัวแทนของภาคเอกชนไทยใน 45 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักของประเทศ และเชื่อมต่อการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับจีนตลอดมา ส่งผลให้การค้าระหว่างสองประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ส.อ.ท. ยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรจีนอีกหลายหน่วยงาน
โดยปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทยมีความเข้มแข็งและได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศจีนได้เลือกให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญในหลายๆ อุตสาหกรรม ซึ่งไทยมีความพร้อมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ส่งผลให้ไทยเป็นพันธมิตรที่ดีในการสร้างความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Security) ส.อ.ท.จึงเชิญชวนให้จีนพิจารณาให้ไทยเป็นฐานหลักในการผลิตเพื่อขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆ ในอาเซียน โดยตอกย้ำความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมการผลิตของไทยในด้านต่างๆ อาทิ
-อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV Automobile) ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Top 5 ชั้นนำของจีนได้เข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส.อ.ท. จึงเสนอให้ประเทศจีนใช้ประเทศไทยเป็นฮับ (Hub) ในการขยายตลาดในอาเซียนและทั่วโลก
-อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ไทยมีความพร้อมทั้งด้านวัตถุดิบที่มีคุณภาพและศักยภาพการผลิตที่ทั่วโลกให้การยอมรับ อีกทั้งยังดำเนินการสอดคล้องกับนโยบายแนวคิดเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ของรัฐบาลไทย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้มากขึ้น
-อุตสาหกรรมการแพทย์ (Healthcare) เป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของทั่วโลก เนื่องจากสังคมกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) และเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะเปลี่ยนผ่านสู่ อุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next – Generation Industry)
นอกจากนี้ ส.อ.ท. ยังหารือแนวทางความร่วมมือระหว่างไทยกับจีน เพื่อขับเคลื่อนด้านต่างๆ ดังนี้
-ด้านการนำดิจิทัลมาปรับใช้ (Digital Transformation) จีนมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เครือข่าย 5G และการให้บริการทางดิจิทัล (Digital Services) ซึ่งจะช่วยสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ของไทยให้มีทักษะดิจิทัลมากขึ้น
-ด้านการขยายเส้นทางขนส่งโลจิสติกส์ระหว่างไทยกับจีน ส่งเสริมนโยบายข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง Belt and Road Initiative (BRI) หรือ One Belt, One Road รวมทั้งเส้นทางใหม่ๆ เช่น การขนส่งด้วยรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน
-ด้านความยั่งยืน (Sustainability) ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญในประเด็นด้านความยั่งยืน เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาและลดภาวะโลกร้อน ซึ่งทาง ส.อ.ท. ให้ความสำคัญและส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมช่วยกันแก้ปัญหาด้าน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)
นอกจากนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้มีการจัดตั้งสถาบันเศรษฐกิจและการลงทุนไทย-จีน เพื่อเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และอุตสาหกรรมระหว่างสองประเทศ และยินดีให้ความร่วมมือในการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจีนหลากหลายหน่วยงาน เช่น สภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศจีน หรือ China Council for the Promotion of International Trade (CCPIT) เป็นต้น การประชุมหารือครั้งนี้ จะช่วยขับเคลื่อนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย รวมถึงผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมไทยปรับตัวและยกระดับให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกอย่างยั่งยืนต่อไป