วันนี้ (8 มิ.ย.66) ที่ สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ได้เดินทางมาเข้าพบ นาย ปรีชา สุขสงวน อธิบดีสำนักงานคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด และคณะทำงาน
ในคดี นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ "แอม ไซยาไนด์" เพื่อหารือเกี่ยวกับสำนวนในคดี พร้อมเตรียมสรุปสำนวนส่งให้อัยการในสัปดาห์หน้า
โดย พล.ต.อ.สุรเชษกล่าวว่า การเข้าพบท่านอธิบดีในวันนี้เป็นการหารือเพื่อวางแผนในการทำสำนวนคดีของแอมไซยาไนด์ ให้มีความรัดกุมรอบคอบ และกระชับในเรื่องของระยะเวลาขั้นตอนในการพิจารณาสำนวนเพื่อให้สามารถสั่งคดีได้อย่างรวดเร็ว เพราะทุกครั้งพนักงานสอบสวนกว่าจะมีการส่งสำนวนคดีให้กับพนักงานอาการก็กินระยะเวลาฝากขังไปจนถึงผัดที่ 5 หรือผัดที่ 6 ซึ่ง จะส่งผลกระทบไปถึงพนักงานอัยการที่มีเวลาให้ตรวจสอบสำนวนน้อยเกินไป
ซึ่งเบื้องต้นจากการพูดคุยในวันนี้ทำให้ทราบว่าทางอธิบดีมีการสั่งตั้งคณะทำงานของพนักงานอัยการเพื่อใช้ในการทำงานในสำนวนคดีนี้ขึ้นเป็นพิเศษหนึ่งชุด โดนคนพนักงานอัยการชุดนี้จะทำหน้าที่ในการพิจารณาสำนวนคดีนี้โดยเฉพาะเพื่อทำให้ระยะเวลาในการตรวจสำนวนของพนักงานนาฬิการมีความรวดเร็วเพิ่มมากขึ้น และในส่วนของพนักงานสอบสวนคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนคดีทั้งหมดทั้ง 15 คดีที่แบ่งเป็นคดีฆาตกรรม 14 คดีและแบ่งเป็นคดีพยายามฆ่า 1 คดี จะสามารถส่งพนักงานอัยการได้ภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ยังรวมถึงการดำเนินการทางคดีกับคนสนิททั้งสองคนคืออดีตสามีที่เป็นตำแหน่งรองผู้กำกับการและทนายความคนสนิทร่วมด้วย
โดยหลังจากนี้เมื่อมีการส่งสำนวนคดีของแอมให้กับพนักงานอัยการแล้วทางตำรวจก็มีการขยายผลดำเนินการในเรื่องของเว็บพนันออนไลน์ที่แอมมีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะผู้เล่น รวมถึงตัวยาไซยาไนด์ ที่เบื้องต้นต้องมีการจัดการกับทางโรงงานและเจ้าที่ของกรมโรงงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการละเลยจนทำให้เกิดการเสียหายเกิดขึ้น
รอง ผบ.ตร.ยังระบุยืนยันอีกว่าทั้งนี้ในส่วนของตัวแอมโทษสูงสุดที่ต้องได้รับในครั้งนี้คือประหารชีวิตเนื่องจากมีการกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระ ตั้งข้อหาจำนวนมากซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าข้อหาที่ถูกแจ้งจะมีมากถึง 80 ข้อตามที่สื่อมวลชนมีการนำเสนอหรือไม่เพราะตนเองจำไม่ได้ต้องกลับไปตรวจสอบก่อนแต่ในส่วนของโทษสูงสุดคือการประหารชีวิตเว้นแต่ว่าตัวผู้ต้องหาจากไปให้การรับสารภาพหรือชั้นการไต่สวนซึ่งโทษก็จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลอีกครั้ง
ทั้งนี้ในส่วนของตัวทนายความเบื้องต้นก่อนนะขนาดนี้ยังยืนยันว่ายังไม่ครบความเกี่ยวข้องกับการตายของเหยื่อซึ่งข้อหาที่ดำเนินการยังคงอยู่ในเรื่องของการปลอมแปลงเอกสารและร่วมกันทำลายหลักฐานในคดี ซึ่งการดำเนินการหลังจากที่มีการส่งสำนวนให้กับพนักงานอัยการแล้วทางตำรวจจะมีทำหนังสือไปถึงสภาทนายความเพื่อให้พิจารณามรรยาททนายความอีกครั้ง