ชุดเฉพาะกิจของบิ๊กโจ๊ก รวบนักข่าวสาว คนดัง(จีจี้)​ หลังแอบอ้างชื่อ เรียกรับเงิน 33 ล้านบาทจากนวพรแก๊งอุ้มบุญจีนเทา อ้างสามารถล้มคดีได้ เพราะทำงานใกล้ชิด​และสนิทกับบึ๊กโจ๊ก

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 27 พ.ค.66 พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์  หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย ว่า สำหรับคดีของนวพร ภาเกียรติสกุล อายุ 53 ปี เจ้าแม่แก๊งอุ้มบุญ ให้ทุนจีนสีเทา  ที่ถูกตำรวจจับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้ และอยู่ระหว่าง เพิกถอนสัญชาติ ซึ่งจากการสอบปากคำ น.ส.นวพร เพิ่มเติม พบมีนักข่าวสาวไทย เชื้อสายจีน ลูกครึ่งไทย- ไต้หวัน เรียกรับเงิน  จากนวพร อ้างว่า สนิทสนม และทำงานใกล้ชิด ให้กับตน จึงสามารถวิ่งเต้น ล้มคดี ของนวพรและสามารถช่วยเหลือคนจีน ซึ่งเป็นอาชญากรคนอื่นๆได้ โดยเรียก รับเงินจำนวน 33 ล้านบาท แต่ นวพรจ่ายไปเพียง 14 ล้านบาท  ซึ่งจากการสอบสวนและสืบสวน และรวบรวมหลักฐาน ของตำรวจฝ่ายสืบสวนพบมีมูล​ความจริง จึงเสนอศาลขอออกหมายจับนักข่าวสาวคนดังกล่าว เมื่อวานที่ผ่านมา ในข้อหา เรียกรับ หรือยอมจะรับผลประโยชน์ใดๆ เพื่อจะให้เจ้าพนักงานของรัฐกระทำการใด ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ ก่อนเข้าจับกุมในช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่บริเวณลานจอดรถห้างดัง

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังระบุอีกว่า พฤติการณ์การกล่าวอ้าง หรือแอบอ้างตนว่าจะสามารถช่วยเหลืออาชญากร หรือเรียกรับผลประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าบุคคลดังกล่าวจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นลูกน้อง เพื่อน หรือนักข่าว เมื่อแอบอ้างชื่อตน เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งก่อความเสียหายให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนจะไม่ละเว้น ต้องขอดำเนินคดีทุกราย ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เห็นเป็นข่าวแล้วหลายคดี ทั้งเพื่อนร่วมรุ่น หรือแม้แต่นักข่าว ก็ถูกดำเนินคดีมาแล้ว

กรณีนักข่าวสาวคนดังกล่าว ยอมรับ ทำงานให้กับตนจริง ซึ่งตนใช้งานในการประสานงาน กับทางการจีนเพราะนักข่าวสาวคนนี้สามารถใช้ภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล้วและเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในฝั่งประเทศจีน แต่เมื่อกระทำผิด ต่อให้เป็นบุคคลใกล้ชิด มากกว่านี้ก็ต้องดำเนินการ ตามกระบวนการของกฎหมาย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

 สำหรับความผิดในข้อหาเรียกรับ หรือยอมจะรับผลประโยชน์ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งเมื่อทำผิด ก็ต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ไป จากการสอบสวนจีจี้นักข่าวสาว ยังให้การปฎิเสธในชั้นสอบสวนพร้อมยื่นขอประกันตัว โดยพนักงานสอบสวน อนุญาตให้ประกันตัวได้ในวงเงิน 3.5 ล้านบาท