วันที่ 26 พ.ค.66 รศ.ดร.เสรี พงศ์พิศ อดีตอธิการบดีสถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กชื่อ Seri Phongphit ระบุว่า...
#อายุกับความเป็นผู้นำ
เห็นแชร์กันจัง ความเห็นของคนสิงคโปร์คนหนึ่งที่วิจารณ์ไทยเลือกคนหนุ่มสาวไม่มีประสบการณ์มาบริหารประเทศได้อย่างไร คนนี้คงลืมไปว่า คนที่พัฒนาสิงคโปร์ที่ชื่อ “ลี กวน ยู” นั้น เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่ออายุ 36 ปีเท่านั้น (เกิด 1923 เป็นนายก 1959-1990) และเป็น “เผด็จการรัฐสภา” อยู่ 31 ปี
ประเทศสิงคโปร์แทบไม่มีฝ่ายค้าน การวิจารณ์ในประเทศนี้มีสิทธิติดคุก ละเมิดสิทธิมนุษยชนยิ่งกว่าประเทศไทย ไปดูเสรีภาพในการแสดงความเห็นและสื่อดูสิ เป็นประเทศที่ดูดคนมีสมองจากทั่วโลกเข้าไปทำงานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ
คนเหล่านี้และคนสิงคโปร์ อยู่บ้านเมืองนี้ตั้งหน้าตั้งตาหาเงินลูกเดียว เมื่อหาเงินได้พอก็อพยพออกจากประเทศนี้ ที่มีอัตราการย้ายถิ่นออกไปสูงอันดับต้นๆ ของอาเซียน
คนสิงคโปร์ที่เอาเรื่อง “อายุ” มาเป็นประเด็นวิจารณ์เรื่องการเป็นผู้นำ การบริหารประเทศหรือองค์กร นอกจากลืมประวัติศาสตร์และกำพืดของตัวเอง ไม่ดูผู้นำ อดีตผู้นำประเทศพัฒนาอย่างนิวซีแลนด์ ประเทศสแกนดิเนเวีย และอื่นๆ ในยุโรป ทั้งชายและหญิง อายุยังไม่ถึง 40 มีมากมาย รวมทั้งบรรดา ส.ส. หนุ่มสาวในพรรคการเมืองต่างๆ ที่บริหารประเทศเหล่านั้น
หรือไม่ก็ดูพวกสตาร์ทอัพ หรืออภิมหาเศรษฐีทั้งหลายที่อายุ 20 กว่า เลิกเรียนมหา'ลัย ออกมาพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี ที่ไม่ได้มีแต่มาร์ก ซักเคอร์เบอร์ก อีลอน มัสก์ แต่มีเป็นหมื่นเป็นแสน คนหนุ่มสาวบ้านเราในภาคส่วนต่างๆ ที่เก่งๆ ก็มีมากมาย
อายุไม่สำคัญเท่ากับความสามารถในการเป็นผู้นำ วิสัยทัศน์ เจตจำนงทางการเมือง ความมุ่งมั่น ไฟปรารถนา ซึ่งบรรดาหนุ่มสาว “หัวดำ” อาจจะมีมากกว่า บรรดาผู้นำ “หัวหงอก” หลายคน ไม่ว่าที่ไหนในโลก
เก่งไม่เก่งเขาไม่ดูกันที่หัว เขาดู “ข้างในหัว” มากกว่า
เสรี พพ 26/5/66