วันนี้ (13 พ.ค.66) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะพนักงานสอบสวนได้นำตัว น.ส.แก้ว อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นบุคคลที่แอม​เคยอ้างว่าเป็นคนที่ไว้วางใจ​ และต้องการพบก่อนให้ปากคำต่อพล.ต.อ.สรุเชษฐ์หักพาบ และเป็นพยานปากสำคัญ ผู้ที่รับกล่องพัสดุซึ่งภายในบรรจุทรัพย์สินเป็นกระเป๋าถือหรู 1 ใบ กระเป๋าเงิน 3 ใบ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย เข้าไปพบกับนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือแอม ภายในทัณฑสถานหญิงกลาง โดย น.ส.แก้ว พยานสำคัญมีความประสงค์จะเข้าไปพบแอมเอง คาดว่าต้องการไปพูดคุยให้แอมรับสารภาพ และอาจจะสอบถามถึงเรื่องทรัพย์สินดังกล่าว 

ต่อมาเวลา 11.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางเข้าสอบปากคำนางสรารัตน์ ด้วยตนเอง ก่อนเผยว่าแอม รับสารภาพในประเด็นที่ส่งกระเป๋า และทรัพย์สินบางส่วนของนางสาวก้อย ผู้เสียชีวิต ไปให้กับนางสาวแก้ว พยานในคดี เนื่องจากจำนนต่อหลักฐาน แต่ไม่ยอมรับว่าก่อเหตุฆาตกรรม รวมทั้งเงิน 50,000 บาท ของนางสาวก้อย โดยอ้างว่าไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋า ส่วนโทรศัพท์ยี่ห้อไอโฟนของนางสาวก้อย ยอมรับว่านำไปทิ้ง เนื่องจากสามารถติดตามพิกัดได้ ซึ่งพนักงานสอบสวนก็จะเข้ามาสอบสวนอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ส่วนทองคำของนายแด้ อดีตสามี นางสาวแอมก็ยอมรับว่านำไปขายที่ร้านทอง แต่ปฏิเสธไม่รู้เรื่องที่นายแด้เสียชีวิต 

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังระบุว่า นางสาวแอม ให้การกับตำรวจทั้งหมดถึงสาเหตุการส่งทรัพย์สินของนางสาวก้อยไปให้นางสาวแก้ว แต่ขอไม่เปิดเผยเพราะต้องนำไปรวบรวมไว้ในสำนวนคดี

ส่วนนางสาวแก้ว จะเป็นผู้เสียหายหรือไม่ เพราะอ้างว่าเคยถูกนางสาวแอม วางยาไซยาไนด์ ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน และนางสาวแก้ว ยังไม่มีความผิดร่วม เนื่องจากมีเจตนานำของกลางมาให้ตำรวจตรวจสอบ และเป็นที่นางสาวแอม ไว้วางใจ เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2563 และเป็นคนแนะนำให้รู้จักกับทนายพัช มาช่วยเหลือทางคดี 

ส่วนการขอเปลี่ยนทนายความของนางสาวแอม พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่มีผลทางคดี เป็นเพียงวิธีการของผู้ต้องหาเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะยังปฏิเสธ แต่ตำรวจมีพยานหลักฐานที่จะเชื่อมโยงการก่อเหตุได้ทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงข้อมูลเส้นทางการเงินที่รอตอบกลับมาจากธนาคาร รวมทั้งต้นตอผู้สั่งซื้อไซยาไนด์ให้กับนางสาวแอม เชื่อว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้อัยการในบางคดีได้ภายในสัปดาห์หน้า 

นอกจากนั้นจะแจ้งข้อกล่าวหาและขอศาลออกหมายจับกับผู้ใกล้ชิดนางสาวแอม 1-2 คน ในสัปดาห์หน้าเช่นกัน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าทำหน้าที่อะไรบ้าง 

ส่วนการพูดคุยกับนางสาวแอม วันนี้ยังคงร้องไห้สลับกับหัวเราะ ไม่มีความเครียดมากนัก ส่วนก่อนหน้านี้ที่ทนายพัช ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า นางสาวแอมไม่ต้องการให้บุคคลใดเข้ามาพบ รวมทั้งพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ด้วย ก็เห็นว่า นางสาวไม่มีท่าทีที่จะไม่ให้เข้าพบ และไม่ได้ถามถึงในประเด็นดังกล่าว และการที่เข้ามาพบวันนี้ เป็นความต้องการของนางสาวแก้ว พยานในคดี ไม่ได้เป็นการตามใจผู้ต้องหา แต่หลังจากที่นางสาวแก้วมาพร้อมกับตำรวจวันนี้ นางสาวแอม มีท่าทีระแวง ไม่ไว้ใจนางสาวแก้ว เนื่องจากไปออกรายการโทรทัศน์ และอยู่กับตำรวจ แต่ไว้ใจทนายพัชมากกว่า ส่วนหลังจากจะเรียกทนายพัชมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ระหว่างการพิจารณา

นายชินคุปต์ ไทยยะกร ที่ถูกนางสาวแอมแต่งตั้งให้เป็นทนาย กล่าวว่า แต่งตั้งตนเพื่อขอคำปรึกษาในเรือนจำ ไม่ได้เป็นทนายความให้กับน.ส.แอม ซึ่งน.ส.แอม ได้รับคำแนะนำจากเพื่อนผู้ต้องขังด้วยกันให้ติดต่อตนเพื่อขอคำปรึกษา การเข้าพบของตนก็เป็นการเข้าพบลูกความของตัวเอง ก็ต้องแต่งตั้งทนายตามระเบียบของการเข้าพบผู้ต้องขัง พร้อมยืนยันว่าจะไม่เป็นทนายความในคดีให้ เนื่องจากผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ซึ่งยากต่อการต่อสู้คดี เพราะในครั้งแรกที่จะเข้าให้คำปรึกษา เข้าใจว่าน.ส.แอมจะรับสารภาพ และจะบอกถึงขั้นตอนการต่อสู้คดี ซึ่งในมุมมองของนักกฎหมายก็เห็นว่า คดีนี้หากจะต่อสู้คดีก็เป็นเรื่องยาก เนื่องจากพยานหลักฐานที่ปรากฏตามสื่อมวลชนค่อนข้างชัดเจน