โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ชูผลสำเร็จนโยบายส่งเสริมการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม มูลค่ามากถึง 1.12 แสนล้านบาทในสองไตรมาสแรกของปีงบประมาณฯ 2566
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีกับผลสำเร็จของการผลักดันนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท โดยจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ส่งผลให้ตัวเลขการลงทุนในอุตสาหกรรมเช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติก กลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ กลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี และกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ มีมูลค่าการลงทุนรวม 1.12 แสนล้านบาทในสองไตรมาสแรกของปีงบประมาณฯ 2566
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในช่วงปี 2565-2567 รัฐบาลได้มีนโยบายกระตุ้นเพื่อส่งเสริมการลงทุน ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และกลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ ส่งผลให้ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 อุตสาหกรรมผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพเกิดการลงทุนกว่า 19,000 ล้านบาท รวมถึงมีนโยบายสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อให้การผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ เป็นไปตามเป้าหมายการผลิตและการใช้ยานยนต์ไร้มลพิษ หรือ Zero Emission Vehicle ส่งผลให้การประกอบกิจการนี้มียอดการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมีเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนใหม่สูงสุด มูลค่าการลงทุน 22,635.75 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติก มูลค่าการลงทุน 9,259.12 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการขยายกิจการโรงงานอีก 195 โรงงาน มูลค่าการลงทุน 23,231.33 ล้านบาท โดยกลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ มีมูลค่าการลงทุนขยายกิจการสูงสุด 10,192.68 ล้านบาท รองลงมากลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร มูลค่าการลงทุน 1,930.56 ล้านบาท โดยในสองไตรมาสของปีงบประมาณ 2566 มียอดการลงทุนในประเทศรวมถึง 112,658.60 ล้านบาท เป็นการตั้งโรงงานใหม่และขยายกิจการโรงงาน 1,211 โรงงาน เกิดอัตราการจ้างงานใหม่ 30,603 คน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ การลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีการตั้งโรงงานใหม่และการขยายกิจการโรงงาน คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 29,760.21 ล้านบาท โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุด คือ กลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ 10,403.39 ล้านบาท และมูลค่าการลงทุนในการตั้งโรงงานใหม่และการขยายกิจการโรงงานใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) กว่า 37,621.13 ล้านบาท โดยกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารมีมูลค่าการลงทุนสูงสุดที่ 14,363.55 ล้านบาท
“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา เห็นถึง ความพร้อมในการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมของทุกภาคส่วน โดยในส่วนของด้านอุตสาหกรรมมีตัวเลขการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยรัฐบาลสนับสนุนการลงทุน จากทั้งภายในประเทศ และ จากต่างประเทศ ผ่านนโยบายสนับสนุน ลดอุปสรรคในการลงทุน สร้างอาชีพ สร้างปริมาณเงินให้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง” นายอนุชาฯ กล่าว