นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เผยว่า บรรยากาศสงกรานต์ปี 2566 คึกคักกว่าที่คาดไว้ โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญ คือ คนไทยและต่างชาติที่สนใจเล่นน้ำสงกรานต์ไม่ได้มาเล่นนาน 3 ปี ภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐมีการโปรโมตกิจกรรมและเชิญชวนครั้งใหญ่ กระแสโซเชียลถึงบรรยากาศสงกรานต์ และการส่งต่อได้กระตุ้นการออกมาเที่ยว และร่วมเล่นน้ำกัน กับภาพความสนุกสนานยิ่งเป็นแรงจูงใจให้เดินทางเข้าไปร่วมกิจกรรมนั้นๆ อีกทั้งสงกรานต์เป็นเทศกาลที่รับรู้ และได้รับความสนใจระดับโลก ที่ทำให้ไทยเป็นประเทศจุดหมายปลายทางที่จะมาท่องเที่ยว
"แม้กระทั่งได้เห็นภาพนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) เข้าไปร่วมเล่นน้ำสงกรานต์กับนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ที่ถนนข้าวสาร ขณะที่เล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่จากที่ได้สำรวจก่อนหน้านี้ประชาชนที่เตรียมวางแผนไปเที่ยวเชียงใหม่ก็ยังยืนยันไปเที่ยวและเล่นน้ำ ทั้งที่มีปัญหาฝุ่น PM2.5 ผนวกกับที่ประเมินจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน และปกติต่างชาติจะพักในไทยเฉลี่ย 9 วันต่อทริป ใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 5 พันบาท ดังนั้นสงกรานต์ปีนี้เงินใช้จ่ายทั้งของคนไทยและต่างชาติน่าจะทะลุ 1.4 แสนล้านบาท จากประเมินไว้ก่อนสงกรานต์อยู่ที่ 1.23 แสนล้านบาทส่วนใหญ่เป็นเงินใช้จ่ายของคนไทย หากย้อนหลังจะใกล้เคียงกับเงินสะพัดปี 2562 ที่ถือว่าพีคสุด และด้วยอากาศร้อนอบอ้าว และยังเหลืออีกหลายพื้นที่ยังมีกิจกรรมเล่นสงกรานต์ (วันไหล) ความคึกคักต่อการหาเสียงก่อนเข้าเลือกตั้ง บรรยากาศออกเที่ยว และกินดื่มก็น่าจะยังคึกคักต่อ ตลอดเดือนเมษายนนี้"
ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. คาดการณ์ว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 จะสร้างเม็ดเงินประมาณ 18,530 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายรายได้ภาคท่องเที่ยวปี 2566 อยู่ที่ 2.38 ล้านล้านบาท ซึ่งมาจากนักท่องเที่ยวชาวไทย 880,000 ล้านบาท ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ คาดว่าจะเดินทางเข้ามาประเทศไทย 25-30 ล้านคน และจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวม 1.5 ล้านล้านบาท