วันที่ 31 มี.ค.2566 เวลา 09.30 น.ที่บริเวณหน้าศาลากลาง จ.พิจิตร ชาวบ้าน ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร หลายร้อยคน โดยมี น.ส.สุภา อยู่ยืด อายุ 52 ปี  แกนนำ ได้มาขอพบ นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผวจ.พิจิตร เพื่อติดตามความคืบหน้า กรณีได้ยื่นหนังสือและหลักฐานขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่ขาดความเป็นพระแล้ว ตั้งแต่ปี 2551 ของ พระราชสิทธิเวที เจ้าคณะ จ.พิจิตร และเจ้าอาวาสพระอารามหลวงแห่งหนึ่ง กล่าวหาว่าเสพเมุนเป็นอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุ ตั้งแต่ปี 2551  โดยมีบุตร  2  คนกับสีกา 2 คนในปี 2551 และปี 2562 พร้อมกับทวงถามความคืบหน้ากรณีผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ออกหนังสือจังหวัดพิจิตร ลงวันที่  11 มกราคม 2566 แจ้งให้เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร  ให้ดำเนินการจัดการสรีระพระครูวิสิฐสีลาภรณ์  อดีตเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม และระบุให้แต่งตั้งพระครูพิสุทธิวรากร ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม เป็นเจ้าอาวาส  โดยระบุว่า เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ความขัดแย้งมีความเบาบางและคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ยอมรับการบริหารงานและการทำงานของพระครูพิสุทธิวรากร ซึ่งความเป็นจริง ชาวบ้านไม่ยอมรับเพราะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับชาวบ้านเป็นร้อยคดี พยายามให้ชาวบ้านติดคุก  และเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร อ้างเหตุผลแจ้งเจ้าคณะอำเภอโพทะเลว่าเพื่อสนองนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และมีคลิปเสียงพระผู้ใหญ่ของจังหวัดโทรศัพท์ข่มขู่ให้พระครูวิรุฬธรรมาภิรัติ เจ้าคณะอำเภอโพทะเล  ให้ดำเนินการแต่งตั้งพระครูพิสุทธิวรากร  เป็นเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม โดยปฏิบัติตามหนังสือจังหวัดพิจิตร มีเจ้าคณะตำบลท่านั่ง - บางคลาน มาคอยกำกับ กดดันเจ้าคณะอำเภอโพทะเล  ลงนามในหนังสือรายงานการประชุม  ทั้งๆที่ไม่ได้ประชุมจริง เสนอแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดบางคลาน  และมีการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสเมื่อวันที่  10  มีนาคม 2566   โดยชาวบ้านในตำบลบางคลานไม่มีใครทราบเรื่องและชาวบ้านในตำบลบางคลานไม่ยอมรับการแต่งตั้งพระครูพิสุทธิวรากร เป็นเจ้าอาวาส ขอให้เปลี่ยนตัวเจ้าอาวาส  

ต่อมา น.ส.สุภา ได้ดินทางไปที่ สภ.เมืองพิจิตร เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.วิชัย นิลสิงห์ สารวัตร(สอบสวน) ให้ดำเนินคดีกับ นายวิรัตน์ วะสะศิริ หรือ พระราชสิทธิเวที เจ้าคณะ จ.พิจิตร โดยกล่าวหาว่าแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 208 เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด