นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว. ได้ดำเนินโครงการ "SME ปัง ตังได้คืน ปีที่ 2" ภายใต้กรอบวงเงิน 500 ล้านบาท โดยคาดว่าจะช่วยผู้ประกอบการขนาดกลางถึงขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี (SMEs) ได้มากกว่า 5,000 ราย เนื่องจากเอสเอ็มอีแต่ละรายสามารถขอรับสิทธิได้ 2 ครั้งภายใต้วงเงินที่ได้รับ 2 แสนบาท ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวเป็นโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบผู้ให้บริการทางธุรกิจ (BDS) อุดหนุนค่าใช้จ่ายให้ในการพัฒนาเอสเอ็มอีแบบร่วมจ่ายในสัดส่วน 50-80% ตามขนาดของธุรกิจ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท จนถึงเดือนกันยายน 2566
สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีภาคการผลิตรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี ภาคการค้าและภาคบริการรายได้ไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อปี จะได้รับการอุดหนุนร่วมจ่าย 50% ส่วนผู้ประกอบการไมโคร เอสเอ็มอี(MSME) มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี กิจการเพื่อสังคม ภาคการผลิตรายได้ไม่เกิน 40 ล้านบาทต่อปี และภาคอื่นๆ รายได้ไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อปี จะได้รับการอุดหนุนร่วมจ่าย 80%
ทั้งนี้ล่าสุดมีผู้ให้บริการทางธุรกิจเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 120 ราย รวมกว่า 200 บริการ ครอบคลุม 5 หมวดบริการ ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ การเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพธุรกิจ การพัฒนาและบริหารธุรกิจ การพัฒนาช่องทงการจำหน่ายและการตลาด และการพัฒาสู่ตลาดต่างประเทศ มีเอสเอ็มอีเข้าโครงการแล้ว 3,000 ราย จากผู้สนใจเข้าระบบกว่า 5,000 ราย โดยมีการเบิกจ่ายแล้วประมาณ 300 ราย อาทิ ธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและเครื่องสำอาง เป็นต้น คิดเป็นวงเงินประมาณ 12 ล้านบาท
โดยเฟสที่ 2 จะมีการเปิดให้เอสเอ็มอีขอใช้บริการเพิ่มเติมได้ในหมวดของการอบรมเพื่อยกระดับกิจการ หรือเสริมความรู้ แต่ต้องไม่ใช่การอบรมแบบเรื่องทั่วไป แต่ต้องเป็นเรื่องใหม่ เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) หรือเรื่องที่เอสเอ็มอีจะต้องทำที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ เป็นต้น