สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า วิกฤติธนาคารหลายแห่งในสหรัฐฯ ล้ม ซึ่งมีต้นกำเนิดจากธนาคารซิลิคอนวัลเลย์ หรือเอสวีบี ได้เริ่มส่งผลกระทบไปยังธนาคารและสถาบันการเงินในภูมิภาคยุโรป ราวกับเป็นโดมิโนแล้ว
ล่าสุด “เครดิตสวิส (Credit Suisse)” วาณิชธนกิจผู้ให้บริการด้านการเงินรายใหญ่ระดับโลก ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ของทางฝั่งยุโรป ได้ประกาศว่า จะต้องขอกู้ยืมเงินจากธนาคารแห่งชาติสวิส หรือเอสเอ็นบี ซึ่งเป็นธนาคารกลางของสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อมาพยุงและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกิจการ ภายหลังจากราคาหุ้นของเครดิตสวิส ได้ร่วงลงมาอย่างหนัก
โดยเครดิตสวิส วาณิชธนกิจที่มีอายุเก่าแก่ถึง 166 ปี แถลงว่า จะกู้เงินจำนวน 50,000 ล้านฟรังก์สวิส (คิดเป็นเงินไทยราวกว่า 1.86 ล้านล้านบาท) จากธนาคารแห่งชาติสวิส มาใช้สนับสนุนธุรกิจหลักและลูกค้า รวมถึงจะเสนอซื้อคืนหนี้อีกราว 3,000 ล้านฟรังก์สวิส (คิดเป็นเงินไทยราวด111,846 ล้านบาท) ซึ่งการกระทำดังกล่าวของของทางเครดิตสวิส เพื่อเป็นการแสดงให็เห็นถึงการดำเนินการอย่างเด็ดเดี่ยว ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกิจการ และเพื่อประโยชน์ของลูกค้า ตลอดจนผู้ถือหุ้น
รายงานข่าวแจ้งว่า การประกาศขอกู้ยืมเงินดังกล่าว มีขึ้นภายหลังจากราคาหุ้นของเครดิตสวิส ร่วงลงอย่างหนัก ในการซื้อขายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น โดยร่วงลงไปถึงร้อยละ 30 ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องผลกระทบจากธนาคารในสหรัฐฯ ปิดตัว 2 แห่งซึ่งอาจจะลุกลามมายังภูมิภาคยุโรป ก่อนดีดกลับขึ้นมาในช่วงปิดการซื้อขายที่ 1.697 ฟรังก์สวิสต่อหุ้น หรือลดลงไปคิดเป็นร้อยละ 24.24 ภายหลังจาก “ซาอีเนชันแนล แบงก์” ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดของซาอุดีอาระเบีย และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของเครดิตสวิส ประกาศว่า จะไม่ขอเพิ่มการลงทุนในเครดิตสวิส โดยอ้างเรื่องข้อจำกัดทางระเบียบการ