สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสน์กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ …*…

สะดุ้งกันไปทั้งโลกกับข่าวแบงก์ใหญ่ในอเมริกามีอันต้องล้มละลายเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนจากพิษมาตรการขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่ยังไม่รู้จะส่งผลลุกลามบานปลายออกไปมากมายขนาดไหน…*…

นับเป็นสัญญาประชาคมที่ต้องบันทึกไว้สำหรับคำประกาศของหมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บนเวทีปราศรัยหาเสียง จ.พิจิตร ที่ว่าจะไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ ตอกย้ำด้วยโพสต์ซ้ำของนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทยในท่วงทำนองเดียวกัน…*…

รอหลังเลือกตั้งก็รู้ หากเพื่อไทยพลิกพลิ้วมาจับมือกับพลังประชารัฐ แล้วนายจาตุรนต์กับหมอชลน่านจะมีคำตอบให้สังคมอย่างไร ใช่กล้าเลือกเดินตามรอยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่…*…

ส่วนที่นายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยซัดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่เคยออกไปเจรจาค้าขายกับต่างประเทศด้วยตนเองนั้น มีมุมมองชวนให้คิดต่อจาก รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.) ที่ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ประเด็นนี้ ผมเห็นต่างจากคุณเศรษฐา ผมไม่ต้องการเห็นรัฐบาลไหนของประเทศไทย ที่นายกรัฐมนตรีต้องเดินทางไปเจรจาค้าขายกับนานาประเทศ เพื่อขอให้เขาซื้อสินค้าของเรา เพราะนั่นแสดงว่าสินค้าของเราไม่เป็นที่ต้องการของต่างชาติ หรือสินค้าเรามีคุณภาพไม่ดีพอ ทำให้รัฐบาลต้องไปขอร้องให้ประเทศอื่นๆมาซื้อสินค้าของเรา เพราะนั่นเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน เขาอาจเกรงใจยอมซื้อสินค้าของเราบ้างพอเป็นพิธี แต่หากสินค้าของเราไม่ตรงกับความต้องการของเขา หรือมีคุณภาพไม่ดีพอ หลังจากนั้นเขาก็จะไม่ซื้ออีก ทำให้ต้องเดินทางไปเจรจาอีกเพื่อขอให้เขาซื้อ เป็นเช่นนี้ไม่จบไม่สิ้น” ...*...

ที่มา:เจ้าพระยา (16/03/66)