นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจเปิดเผยว่า จากกรณีที่ธนาคารผู้ให้บริการด้านคริปโทเคอร์เรนซี และ Silicon Valley Bank หรือ SVB ของสหรัฐอเมริกา เกิดปัญหาล้มในกิจการและเกรงว่าจะกระทบต่อผู้ฝากเงินและธุรกิจต่อเนื่องไปทั่วโลกนั้น เท่าที่ได้คิดตามขณะนี้ ทางการของสหรัฐอเมริกาได้เข้ามาควบคุมดูแลคุ้มครองเงินฝากของธนาคารทั้งสาขาในสหรัฐและสาขาทั่วโลกแล้ว แม้ว่าจะมีปัญหาขาดสภาพคล่องถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 1 ถือว่าสัดส่วนเมื่อเทียบกับเม็ดเงินในระบบการเงินของสหรัฐที่มีอยู่ 26 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐผลกระทบไม่มากนัก และเมื่อแบงก์นี้เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการสหรัฐเข้ามาควบคุมทันที ทำให้ความเสียหายไม่เกิดวงกว้างและคุ้มครองดูแลผู้ฝากเงินทั้งระบบอย่างเต็มที

ขณะเดียวกันหากลงไปดูข้อมูลในรายละเอียดแม้แบงก์นี้จะเกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง แต่ส่วนใหญ่ธนาคารนี้ไปลงทุนเน้นการปล่อยสินเชื่อและลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวและมั่นใจ โดยเมื่อปรับสภาพคล่องการเรียกเก็บหนี้สินของสินเชื่อสามารถเรียกเก็บกับคืนมาได้ โดยไม่เฉพาะในสาขาของสหรัฐเท่านนั้น ยังจะร่วมไปถึงสาขาธนาคารทุกแห่งในทั่วโลกอีกด้วย และที่สำคัญเมื่อทางการสหรัฐเข้ามาดูแลทันท่วงทีเช่นนี้จะไม่ทำให้เกิดปัญหาลุกลามไปทั่วโลกแน่นอน

ทั้งนี้จากเหตุการณ์มีการคาดการณ์ว่าจะทำให้ธนาคารกลางหรือเฟดอาจนำไปพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยนโนบายแรงและมากขึ้นนั้น ยังเชื่อว่าเฟดไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยมากนัก รวมถึงขณะนี้ค่าเงินดออลาร์สหรัฐแข็งขาขึ้นแต่ก็ไม่ได้ผันผวนมากจนเกินไป ดังนั้น คงต้องติดตามว่าทางสหรัฐจะดูแลเรื่องต่างๆไปในทิศทางใด