“ม.หอการค้าไทย” ประเมินการใช้จ่าย “วันมาฆบูชา-วันวาเลนไทน์” เงินสะพัดกว่า 5,200 ล้านบาท  ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณร้อยละ 0.5-0.9 

เมื่อวันที่ 6 ก.พ.68 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลการสำรวจทัศนะและพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในวันมาฆบูชาและการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ การใช้จ่ายในวันมาฆบูชาคาดมีเงินสะพัด 2,500 ล้านบาทขยายตัว 2.8% เทียบกับปีก่อน ปรับตัวดีขึ้นในรอบ 4 ปี  แม้เป็นอัตราที่ไม่ได้สูงกว่าเทศกาลตรุษจีน แต่เริ่มเห็นสัญญาณของการใช้จ่ายเกิดขึ้น โดยส่วนใหญ่คนไทยยังตั้งใจไปทำบุญตักบาตร รองลงมาเป็นการเวียนเทียน และไปไหว้พระ โดยบรรยากาศทั่วไปเหมือนยังใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เฉลี่ยมีค่าใช้จ่ายคนละ 1,590 บาท

ส่วนการใช้จ่ายเทศกาลวันวาเลนไทน์มีปีนี้คาดจะมีเงินสะพัด 2,700 ล้านบาท ขยายตัว 7.2% สูงสุดในรอบ 6 ปี โดยค่าใช้จ่ายเฉพาะซื้อของสำหรับมอบให้คู่รัก จำแนกตามGen พบว่า Gen X มากสุดเฉลี่ย 1,669 บาทต่อคน รองลงเป็น GenY 1,238 บาทต่อคนและGenZ 617 บาทต่อคน เฉลี่ยรวมคนละ1,200 บาท โดยธุรกิจที่ได้ประโยชน์ในเทศกาลวาเลนไทน์ 5 อันดับแรกคือ ร้านขายของขวัญและดอกไม้,ร้านอาหารและคาเฟ่,โรงแรมที่พัก,ร้านไวน์และเครื่องดื่ม,ช็อกโกแลตและขนมหวาน

อย่างไรก็ดีภาพรวมทั้ง 2 วันสำคัญจะเห็นว่าเริ่มมีการใช้จ่ายมากขึ้นแต่ยังระมัดระวัง เนื่องจากสินค้ามีมูลค่าที่สูงขึ้น ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐยังไม่กระจายทั่วถึง ยังไม่สะท้อนต่อการใช้จ่ายมากนัก เท่าที่มอง 2 เทศกาลสำคัญ ทำให้เห็นว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้วแต่แบบอ่อนๆ การใช้จ่ายไม่ได้สะพัดมาก แต่สะท้อนว่าคนยังใช้จ่ายมากขึ้น ภาพรวมราคาสินค้าแพง ทำให้การใช้จ่ายขยายตัว ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยตลอดสัปดาห์วันมาฆบุชา และวันวาเลนไทน์ มีมูลค่าการใช้จ่ายประมาณ 5,200 ล้านบาท ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ประมาณร้อยละ 0.5-0.9