“สยามรัฐ” ยืนหยัดอยู่บนบรรณพิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาน “นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม” ...*...
ยังไม่ระบุวันชัดเจนว่าจะยุบสภาฯเมื่อไหร่ สำหรับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ก็แย้มๆมาว่าการประชุมครม. จะเหลืออีก 1-2 นัดสุดท้าย ...*...
แต่ถ้าเทียบไทม์ไลน์ในส่วนของ กกต. ที่เค้ารอให้ทางจังหวัดต่างๆ ไปรับฟังความคิดเห็นประชาชนเรื่องแบ่งเขตเลือกตั้งกันมา และกฎเรื่อง 10 % ที่จะต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 13 มีนาคม และส่งกลับมาให้ กกต. ในวันที่ 14 มีนาคม ซึ่งกกต.จะใช้เวลา 1-2 วันในการพิจารณาและประกาศให้เสร็จสิ้น ก็น่าจะเป็นวันที่ 15 มีนาคม ...*...
ฉะนั้น หากจะยุบสภาก็น่าจะเป็นหลังวันที่ 15 มีนาคม หรือในวันที่ 15 มีนาคมเลยก็ย่อมได้ แต่ถ้าจะให้เหมาะอาจจะขยับไปอีกนิดหนึ่งประมาณ 5 วัน ก็จะลงที่วันที่ 20 มีนาคมพอดี เพราะ “ลุงตู่” ไม่อยากยุบสภาฯในวันเกิดของตัวเอง แต่เดดไลน์ก็อยู่ที่วันที่ 23 มีนาคม ไม่เช่นนั้นก็จะหมดสิทธิ์ยุบสภา และหากยุบสภาในวันที่ 20 มีนาคมจริง ก็เป็นไปได้ที่การเลือกตั้งอาจจะขยับไปอีกประมาณ วันที่ 14 พฤษภาคม ...*...
เหลืออีก 10 กว่าวัน บรรดาบิ๊กเนมที่เตรียมจะย้ายพรรค ก็คงจะต้องตัดสินใจ แต่ที่กลับมาเป็นกระแสอีกครั้งสำหรับ “สามมิตร” ทั้ง สมศักดิ์ เทพสุทิน และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็คงต้องดูอันดับในบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ เพราะหากรูดลงไปต่ำกว่าท็อปเท็น ก็เสียราคา และโอกาสที่จะได้กลับมาเป็น ส.ส.ก็ยาก ฉะนั้นจะอยู่ต่อไปทำไม ...*...
แต่การไปย้ายไปขั้วตรงข้ามทางการเมือง อย่างพรรคเพื่อไทย แม้จะอาจจะเป็นช่วงที่เขาต้องดูทิศทางลมให้มั่นใจว่า “ลุงตู่” จะไม่ปรับ ครม.แน่ๆแล้ว คือไม่เหลือเวลาให้ปรับ ครม.ได้อีกนั่นแหละ เรียกว่าต้องให้เคลียร์ เพราะดูตัวอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ถูกปลดแบบสายฟ้าแล่บ หากย้ายไปจังหวะไม่ดี ก็มีสิทธิหลุดเก้าอี้รัฐมนตรีรักษาการณ์ เพราะการยังอยู่ในหัวโขนรัฐมนตรี จะมีประโยชน์ต่อการเลือกตั้งอีกมาก ...*...
ในทางกลับกัน “ลุงตู่” คงไม่ปล่อยให้คู่ต่อสู้ได้อาวุธไปเพิ่ม ที่จะให้รัฐมนตรีไปเสริมแกร่งพรรคเพื่อไทย ตรงนี้จึงน่าสนใจว่าจะชิงไหวชิงพริบกันอย่างไร และก็ใช่ว่าจะปลอดภัยไร้กังวลซะทีเดียว เพราะต้องระแรงระวังจะโดนเช็กบิลไล่หลัง จึงไม่แปลกที่ “สมศักดิ์” จะกระเตง “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด ไว้ข้างกาย ...*...
ส่วนเพื่อไทยยามนี้ หวาดระแวง “ก้าวไกล” หายใจรดต้นคอ เพราะประชากรรุ่นใหม่เข้ามามีจำนวนมากกว่า คนฐานเดิมของพรรคเพื่อไทย ในขณะที่ “หมอชลน่าน” นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคถูกด้อยค่าในสายตาประชาชน ทั้งที่ประสบการณ์ ภูมิรู้และวิสัยทัศน์จัดเจนไม่เป็นรองใคร แต่กลับมีความพยายามนำชื่อนักรบห้องแอร์มาเบียดแข่ง นาทีนี้ “ศรพระราม” แอบเชียร์ให้ “หมอชลน่าน” ติดแคนดิเดตนายกฯคนที่ 3 ไม่เช่นนั้นเพื่อไทยจะไม่เหลือคน “สู้ตายถวายหัว” …*…
ที่มา:ศรพระราม (10/3/66)