นครพนม งานเข้าหมอปลา พร้อมพวก ยอมขอขมาหลังถูกฟ้องหมิ่นประมาท กรุเรื่องกล่าวหา พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม เบี้ยวเงินค่าก่อสร้างวัดชื่อดัง สุดท้ายไปไม่รอด ยอมขอขมา ตามเงื่อนไข ต่อหน้าสื่อมวลชน 46 สำนัก ดีเดย์ 1 พฤษภาคม 2566 หลังเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม เมตตาให้โอกาส
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้า กรณี พระเทพวรมนุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม มอบหมายให้ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช แม่ทัพทนายกองทัพธรรม พร้อม นายเอื้อ มูลสิงห์ ทนายกองทัพธรรม จังหวัดนครพนม และไวยาวัจกร วัดพระธาตุพนม แจ้งความดำเนินคดีต่อ พนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม เมื่อเดือน กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา ร้อง ทุกข์กล่าวโทษ นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา พร้อมพวก คือ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ นางสาววรรณวิสา ประทุมวัน ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังจาก นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา พร้อมพวก ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อ รวมถึงเข้าร้องเรียน ต่อ นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่า พระเทพวรมุนี อดีตเจ้าอาวาสวัดมรุกขนคร ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ค้างค่าจ้างก่อสร้างถาวรวัตถุ ของวัดมรุกขนคร ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เป็นเงิน จำนวน 1.2 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อปี 2536 พร้อมมีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อมวลชนบางสำนัก โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งที่เป็นการบิดเบือน สร้างความเสื่อมเสียให้ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม โดยก่อนนี้มีสื่อบางสำนักออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจยอมขอขมาต่อ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม และเผยแพร่ชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านสื่อ ว่าไม่เป็นข้อเท็จจริง ตามคำกล่าวอ้างของผู้เสียหาย เนื่องจากเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ไม่มีส่วนได้เสีย และไม่มีอำนาจหน้าที่จะไปรับผิดชอบเกี่ยวกับค่าเสียหายดังกล่าว เป็นการกรุเรื่อง สร้างความเสื่อมเสีย และไม่ยอมดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ใช้วิธีการร้องเรียน สร้างความเสื่อมเสีย
ล่าสุดภายหลัง ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช แม่ทัพทนายกองทัพธรรม พร้อม นายเอื้อ มูลสิงห์ ทนายกองทัพธรรม จังหวัดนครพนม และไวยาวัจกร วัดพระธาตุพนม ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน และมีการรวบรวมพยานหลักฐานเสนออัยการฟ้องต่อศาลจังหวัดนครพนม ในฐานความผิดทั้งทางอาญา ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา รวมถึงเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง เป็นเงินมากกว่า 50 ล้านบาท ตามคดีหมายเลขดำที่ พ.1102/2565 ศาลจังหวัดนครพนม ข้อหาฐานความผิด ละเมิด ให้จำเลยทั้งสามโฆษณาคำพิพากษา และคำขอโทษ ในสื่อทุกแขนง จำนวน 46 สื่อ เป็นเวลา 7 วัน จนกระทั่งมีการนัดสืบพยาน ที่ศาลจังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 โดยทางด้าน นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา ได้มอบหมายให้ทนาย มาเจรจาไกล่เกลี่ย และยอมรับผิด พร้อมขอขมาตามเงื่อนไข ซึ่งได้ทำข้อตกลงยินยอมที่จะมากราบขอขมา พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ต่อหน้าสื่อมวลชน จำนวน 46 สำนัก ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 พร้อมมีการแถลงต่อศาลจังหวัดนครพนม ตามข้อตกลงในการเจรจาไกล่เกลี่ย หากไม่มาตามนัดจะถูกนำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งทางอาญา และทางแพ่ง ต่อไป
สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจาก ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช แม่ทัพทนายกองทัพธรรม ตรวจสอบเอกสารหลักฐานร่วมกับ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครพนม พบว่า การก่อสร้างพัฒนาวัดมรุกขนคร เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2536 พระเทพวรมุนี ยังไม่เป็นเจ้าอาวาสวัดมรุกขนคร แต่บุคคลที่ร้องเรียนกล่าวอ้างว่าเข้าไปก่อสร้างเมื่อต้นปี ประมาณเดือน มกราคม 2539 ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า การดำเนินก่อสร้างไม่เกี่ยวกับ พระเทพวรมุนี แต่เป็นข้อตกลงกับบุคคลผู้นำชุมชนหมู่บ้าน คณะกรรมการวัด ถือเป็นคณะบุคคลที่ดูแลการก่อสร้าง พร้อมมีการบอกเลิกสัญญาเนื่องจากผู้รับจ้าง ทำงานล่าช้า และไม่มีการทำสัญญาจ้างงาน รวมถึงผู้อ้างว่าเป็นผู้เสียหายไม่มีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายภายใน 2 ปี ถือว่า ขาดสิทธิ์ตามกฎหมาย โดยการออกมาร้องเรียน เป็นความไม่บริสุทธิ์ใจ มีเจตนาให้พระเทพวรมุนี ที่เป็นที่เคารพของชาวนครพนม มีคุณงามความดี เกิดความเสื่อมเสีย และทำให้วัดเสียหาย จึงเป็นที่มาของการดำเนินคดีเอาผิดกับบุคคลดังกล่าว