วันที่ 7 มี.ค.66 ที่สำนักราชเลขาธิการ นายสาธุ อนุโมทามิ ประธานเครือข่ายคนไทยรักชาติ และคณะ ได้ทูลเกล้าถวายฎีกา เพื่อกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับการขอออกพระราชกฤษฎีกายุบสภาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยสาระสำคัญระบุถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร (สภาฯ) ในช่วงเดือน มี.ค.66 ก่อนที่สภาฯจะครบวาระในวันที่ 23 มี.ค.66 ซึ่ง เครือข่ายคนไทยรักชาติ เห็นว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาให้ยุบสภา ในขณะที่ไม่มีเหตุนำไปสู่การยุบสภา และมีพระราชกฤษฎีกาให้ปิดสมัยประชุมรัฐสภาตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.66 เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และอาจเข้าข่ายการกระทำโดยทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์ให้แก่พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
นายสาธุ กล่าวว่า รัฐบาล และสมาชิกของรัฐบาล ตลอดจนผู้สนับสนุนได้พยายามทำความเข้าใจผิดบิดเบือนว่า การยุบสภาเป็นอำนาจของรัฐบาล ทั้งที่ความจริงรัฐธรรมนูญบัญญัติชัดเจนว่าเป็นพระราชอำนาจ และการยุบสภาต้องเป็นไปตามกฎเกณฑ์ และประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยไม่อาจกระทำตามอำเภอน้ำใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงที่เหลืออายุสภาฯเพียงราว 2 สัปดาห์ และอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมรัฐสภา จึงไม่มีเหตุขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหาร กับฝ่ายนิติบัญญัติแต่อย่างใด
นายสาธุ กล่าวว่า หากแต่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า เหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์ เลือกที่จะยุบสภา แทนที่การปล่อยให้สภาฯหมดวาระก็เพราะหวังที่จะอาศัยช่วงว่างตามกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคการเมืองตนเองสังกัดหรือไม่ โดยเป็นที่ทราบทั่วไปว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อตั้ง และเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และมีการเปิดเผยต่อสาธารณะให้ติดตามข่าวคราวว่าจะมีอดีต ส.ส.และสมาชิกจากพรรคการเมืองอื่นจะย้ายเข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศจะเสนอยุบสภา จะส่งผลให้ผู้สมัคร ส.ส.สามารถเข้าสังกัดพรรคการเมืองได้ไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง ต่างจากการที่สภาฯครบวาระ ที่ผู้สมัคร ส.ส.ต้องสังกัดพรรคไม่น้อยกว่า 90 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง
“เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเสนอยุบสภา ตามที่ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ เพราะเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 16 วันเท่านั้น สภาฯก็จะครบวาระ และได้มีพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมาแล้ว สภาฯ จึงไม่ได้มีความผิดใดๆ ก็ควรที่จะปล่อยให้สภาฯ ครบอายุ มากกว่าการจะเสนอให้มีการยุบสภา ที่เข้าข่ายเป็นการกระทำที่แสวงหาประโยชน์เพื่อตนเอง และพรรครวมไทยสร้างชาติ ถือได้ว่าเป็นการกระทำโดยทุจริตเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบ และเป็นการอาศัยพระราชอำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือไม่” นายสาธุ กล่าว
นายสาธุ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ได้ทูลเกล้าถวายฎีกาในกรณีดังกล่าวแล้ว ในวันพรุ่งนี้ (8 มี.ค.66) จะได้นำสำเนาหนังสือที่ได้ถวายฎีกาแจ้งต่อนายกรัฐมนตรี และประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ช่วยกันปกป้องพระเกียรติยศด้วยความจงรักภักดีในฐานะพสกนิกรไทยผู้อยู่ใต้ร่มพระบารมีต่อไป