วันที่ 22 ก.พ.66 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ว่า นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย แถลงต่อรัฐสภารัสเซียเมื่อวันอังคาร (21 ก.พ.) ในการเดินหน้าทำสงครามในยูเครนต่อไป และกล่าวหาประเทศในกลุ่มองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่นำโดยสหรัฐ ว่าเป็นผู้ก่อสงครามนี้ขึ้นมา
ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวว่า ปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. 2565 เป็นการตอบโต้ยูเครนโจมตีแคว้นดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน ที่รัสเซียอ้างว่าประชาชนต้องการอยู่กับรัสเซียมากกว่า และเป็นการหยุดยั้งแผนการของยูเครนที่จะโจมตีแคว้นไครเมียหลังจากนั้น
โดย นายปูติน กล่าวว่าหลังจากปฏิบัติการดังกล่าว บรรดาชาติตะวันตกก็ใช้มาตรการคว่ำบาตรทั้งทางทหาร ทางข้อมูล และทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย แต่ขณะนี้มาตรการคว่ำบาตรเหล่านี้กำลังส่งผลเสียต่อชาติเหล่านั้นแทน เพราะต้องเจอกับราคาสินค้าที่แพงขึ้นในประเทศตัวเอง โรงงานปิดตัว ภาคพลังงานล่มสลาย แล้วพวกเขาก็ไปบอกประชาชนของตัวเองว่ารัสเซียเป็นต้นเหตุ
ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวต่อไปว่า แม้ว่าจีดีพีของรัสเซียจะถูกปรับลดลงมา แต่สุดท้ายเศรษฐกิจก็ไม่ได้ล่มสลาย กลับกันรัสเซียมีการปรับโครงสร้างใหม่ และหันไปค้าขายกับประเทศอื่นๆ แทน
อีกทั้ง นายปูติน ยังกล่าวถึงประเด็นสำคัญที่เสนอต่อสมาชิกรัฐสภารัสเซีย คือ แผนการระงับการมีส่วนร่วมกับสนธิสัญญาฉบับหนึ่งที่ทำกับสหรัฐ ในการจำกัดและลดจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ ที่เรียกว่า สนธิสัญญานิวสตาร์ต โดยอ้างว่าสหรัฐและนาโตไม่ได้ให้ความร่วมมือก่อน ด้วยเหตุนี้ ผมจำใจต้องประกาศในวันนี้ว่ารัสเซียกำลังระงับการมีส่วนร่วมกับสนธิสัญญาเชิงยุทธศาสตร์ที่ว่าด้วยอาวุธที่ใช้ในการโจมตีฉบับนี้ ซึ่งรัสเซียจะเริ่มทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งใหม่ทันทีถ้าสหรัฐทำก่อน