Salesforce (NYSE: CRM) ผู้นำด้าน CRM ระดับโลกได้เปิดตัวรายงาน State of Service  ฉบับที่ห้า ซึ่งนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเป้าหมายสำคัญ ความท้าทาย การวัดผลสำเร็จ และกลยุทธ์ขององค์กรที่เปลี่ยนแปลงไปท่ามกลางความคาดหวังของลูกค้าในโลกที่ดิจิทัลมาเป็นอันดับหนึ่ง และสภาพเศรษฐกิจที่ท้าทาย จากมุมมองของมืออาชีพกว่า 8,000 คนจาก 36 ประเทศ ในจำนวนนี้มีกว่า 300 คนจากประเทศไทย 

ข้อมูลเชิงลึกสำคัญในรายงาน State of Service ฉบับปีนี้ได้แก่:

-ความผันผวนทางเศรษฐกิจกระตุ้นให้มีการเน้นประสิทธิภาพ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นข่าวใหญ่ ทีมบริการลูกค้าต่างหันมาใช้การวัดผลสำเร็จและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 67% ขององค์กรด้านบริการในประเทศไทยใช้เวิร์กโฟลว์และกระบวนการทางธุรกิจแบบอัตโนมัติ

-งานบริการลูกค้าที่ใช้ระบบดิจิทัลเป็นอันดับแรกจะยังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าหันเริ่มมาใช้ระบบดิจิทัลในช่วงที่เกิดโรคระบาด และยังไม่มีสัญญาณว่าจะชะลอลง 67% ขององค์กรด้านบริการในประเทศไทยให้บริการผ่านระบบวิดีโอและ 63% ให้บริการแชท

“การลาออกครั้งใหญ่” กระตุ้นให้เกิดความสนใจเรื่องประสบการณ์ของพนักงาน อัตราการเปลี่ยนงานที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้องค์กรด้านบริการคิดสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น การทำงานทางไกลและโอกาสในการก้าวหน้าในการทำงานที่ดีขึ้น องค์กรด้านบริการในประเทศไทยมีอัตราการหมุนเวียนของพนักงานเฉลี่ย 17% ในปีที่ผ่านมาการให้บริการลูกค้ายังเติบโตเกินไปกว่าศูนย์บริการติดต่อ ขณะนี้บริการภาคสนามมีความสำคัญมากกว่าขอบเขตการทำงานเดิมในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ในภาคพลังงานและสาธารณูปโภค 88% ขององค์กรด้านบริการที่มีบริการภาคสนามในประเทศไทยกล่าวว่าบริการประเภทนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขยายธุรกิจ

คุณกิตติพงษ์ อัศวพิชยนต์ กรรมการผู้จัดการของเซลส์ฟอร์ซ ประเทศไทยกล่าวว่า รูปแบบของการให้บริการลูกค้ากำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องกลับมาคิดหาแนวทางใหม่ๆในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าในสภาพการณ์ที่เศรษฐกิจเผชิญกับความท้าทายในขณะนี้ ผลักดันให้เกิดความจำเป็นและเร่งด่วนที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพ และส่งผลให้ทีมบริการต้องกลับมาคิดทบทวนว่าจะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่มากขึ้นโดยใช้ทรัพยากรทั้งค่าใช้จ่าย บุคลากร เวลา ฯลฯ ที่น้อยลงได้อย่างไร สภาวะการณ์นี้ทำให้เกิดความจำเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรธุรกิจจะต้องสร้างมุมมองแบบ 360 องศาของลูกค้าจากข้อมูลการติดต่อในทุกด้านและนำระบบการให้บริการแบบอัตโนมัติเข้ามาเสริมเพื่อมอบบริการและประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า

ในปัจจุบัน SmartCost บริษัทจำหน่ายเครื่องมืองานช่างและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการขัดสีและพื้นผิวในกรุงเทพฯ ซึ่งให้บริการลูกค้าแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) กว่า 1,500 ราย กำลังใช้งาน Service Cloud เพื่อเข้าถึงมุมมองแบบ 360 องศาของลูกค้า และข้อมูลเชิงลึกตามเวลาจริงในทุกความคืบหน้าของคำสั่งซื้อ คุณกฤตกร วงษ์ศุทธิภากร ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ SmartCost กล่าวว่า “Salesforce มีความยืดหยุ่นสูง เราสามารถปรับขั้นตอนและกระบวนการขายได้อย่างง่ายดาย ทำให้ธุรกิจของเราสามารถเดินหน้าได้อย่างรวดเร็วและเราเองยังสามารถปรับยุทธศาสตร์ทางธุรกิจของเราได้ตลอด ถ้าหากไม่มีความยืดหยุ่นแบบนี้ การเริ่มธุรกิจด้านใหม่ ๆ อาจจะต้องเหนื่อยและใช้เวลาในการเปลี่ยนกระบวนการในระบบอีกมาก แต่ Salesforce ช่วยให้เราสามารถทำสิ่งนี้ได้ในชั่วข้ามคืน”

วิธีการศึกษา

ข้อมูลในรายงาน State of Service มาจากการศึกษาแบบปกปิดสองทางจากผู้ประกอบวิชาชีพการให้บริการลูกค้า 8,050 คนในอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ ยุโรป แอฟริกา และเอเชียแปซิฟิก รวบรวมข้อมูลตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคมถึง 13 มิถุนายน 2022 ผู้ตอบแบบสอบถามทุกคนเป็นผู้ร่วมอภิปรายในฐานะบุคคลที่สาม ประเทศที่สำรวจได้แก่ อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย เบลเยียม บราซิล แคนาดา เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ไอร์แลนด์ อิตาลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เม็กซิโก เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ ฟิลิปปินส์ โปแลนด์ สิงคโปร์ แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน ไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม ความเบี่ยงเบนเนื่องจากวัฒนธรรมมีผลกับผลการสำรวจ