วันที่ 29 พฤศจิกายน ของทุกปี ชาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ประกาศให้เป็นวันที่ระลึกวันนนทรีทรงปลูก ดนตรีทรงโปรด สืบสานวันทรงดนตรี อันเนื่องมาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงเสด็จฯ มาทรงปลูกต้นนนทรี จำนวน 9 ต้น ณ บริเวณสระน้ำ ด้านหน้าอาคารหอประชุม และพระราชทานต้นนนทรีเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2506 เวลา 15.30 น. ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายธวัชชัย ไชยชนะ นายกสมาคมฯ ในสมัยนั้น
และในคราวเสด็จพระราชดำเนินในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้า ฯ ให้ นิสิตปัจจุบัน นิสิตเก่า รวมทั้ง คณาจารย์เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงปลูกต้นนนทรีเรียบร้อยแล้ว ล้นเกล้าฯทั้งสองพระองค์ได้เสด็จ ฯ เข้าสู่หอประชุม เพื่อทรงดนตรีร่วมกับ วง อ.ส.วันศุกร์ ซึ่งมีอาจารย์ และศิษย์เก่า ของ มก. รวมอยู่ด้วย ได้แก่ อ.ระพี สาคริก (นักดนตรีและโฆษก) และนายอวบ เหมะรัชตะ เป็นต้น นับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในวันเดียวกัน กล่าวคือ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯมาทรงปลูกต้นนนทรี และ ทรงดนตรี ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นครั้งแรก และทรงเป็นกันเองอย่างที่สุด อันนำมาสู่การเสด็จฯ “เยี่ยมต้นนนทรีที่ทรงปลูก” และ “ทรงดนตรี” สืบเนื่องอีก 9 ครั้งในปีต่อๆ มา
เหตุการณ์ในวันนั้น เมื่อล้นเกล้าทั้งสองพระองค์เสด็จฯ มาถึง หลวงอิงคศรีกสิการ ในฐานะอธิการบดี ได้กราบบังคมทูลเบิกตัวคณะกรรมการสมาคม และกราบบังคมทูลรายงานเกี่ยวกับเรื่องราวของต้นนนทรี ใจความสรุปได้ว่า
“ต้นนนทรี เป็นไม้ยืนต้น มีอายุยืนยาวนาน มีใบเขียวตลอดทั้งปี ลักษณะใบเป็นฝอยคล้ายใบกระถิน ดอกสีเหลืองประปรายด้วยสีขาว ช่อดอกเป็นพวงระย้า ฝักไม่ยอมทิ้งต้น ทนทานในทุกสภาพอากาศของเมืองไทย สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฯ จึงได้เลือกให้เป็นต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อแสดงว่า นิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์นั้น มีใจผูกพันอยู่กับมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยตลอดเวลา และสามารถจะทำงานประกอบอาชีพได้ทั่วทุกหน ทุกแห่ง ทั้งในไร่นา ป่าเขา ทั่วทั้งประเทศไทย”
หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงปลูกต้นนนทรีทั้ง 9 ต้น เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ได้เสด็จฯ เข้าสู่หอประชุม มก. เพื่อทรงดนตรีร่วมกับวง อ.ส.วันศุกร์ ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของสมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฯ นับเป็นครั้งแรกที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จฯ ทรงดนตรี ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และโปรดเกล้าฯ ให้นิสิตเก่า นิสิตปัจจุบัน รวมทั้งครูบาอาจารย์ได้เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด และทรงเป็นกันเองอย่างที่สุด
หลังจากที่อธิการบดีได้กราบบังคมทูลรายงานความเป็นมาของ สมาคมนิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฯ แล้ว พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานพระกระแสรับสั่งตอนหนึ่งว่า
“ขอพูดอะไรสักหน่อย วันนี้ได้รับเชิญมาปลูกต้นไม้ ก็ทำให้คิดว่า การปลูกต้นไม้ก็จำเป็นจะต้องเลือกว่าต้นอะไรจึงจะดี เหมาะสำหรับมหาวิทยาลัย ต้นไม้อะไรๆ ก็สีเขียว ต้นนนทรีที่เลือกเป็นต้นไม้ของเกษตร ก็เหมาะสมที่มีสีเขียวด้วย เหมาะมากและน่ายินดีมาก ที่ต้นนนทรีนั้นปลูกได้ทั้งทุกแห่งของไทย เพราะทนแล้ง ทนแดดได้ นี่เป็นความหมายที่ดี เพราะคนไทยถ้าปลูกในแผ่นดินไทย ก็เติบโตดี และเจริญดี ต้นไม้ต้องมีดิน จึงจะเจริญได้ดี ถ้าเอาไปไว้ในกระถาง หรือเอาไปปลูกในน้ำหรือปลูกในน้ำยาคุณภาพดีๆ จากต่างประเทศ ก็จะหงอย อยู่ไม่ได้ เขาต้องการดิน ขอฝากต้นไม้นี้ให้มหาวิทยาลัยและนิสิตช่วยกันรักษาให้ดี อย่าให้หงอย ขอฝากนิสิตทั้งหลาย ขอให้ช่วยกันรักษาตัวเองให้ดี และอย่าลืมว่าตัวเองนั้นจะอยู่กันได้ก็ด้วยแผ่นดินไทย ขอให้ช่วยรักษาแผ่นดินไทยไว้ด้วย คนไทยถ้าไร้แผ่นดินก็จะหงอยกันหมด อยู่กันไม่ได้ และเราก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น”
นับจากปี พ.ศ. 2506 จนถึงปัจจุบัน ต้นนนทรีทั้ง 9 ต้น มีอายุ 59 ปีเต็ม เติบโตเป็นต้นไม้สูงใหญ่ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางโดยเฉลี่ย 66.37 ซม. มีความสูงเฉลี่ยประมาณ 18.30 เมตร มีพื้นที่เรือนยอดปกคลุมเฉลี่ย 183.18 ตารางเมตร ปริมาณการกักเก็บคาร์บอนรวม 9 ต้น นับตั้งแต่วันทรงปลูกจนถึงปัจจุบัน รวม 6.71 ตันคาร์บอน นับว่าเป็นต้นนนทรีขนาดใหญ่ที่หาพบได้ยากในกรุงเทพมหานคร และสร้างความร่มรื่นให้แก่พื้นที่บริเวณหน้าหอประชุมอย่างยิ่ง
จากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ทั้งสองเหตุการณ์ในครั้งนั้น จึงเป็นเหตุที่มาของการจัดกิจกรรมพิเศษ “วันที่ระลึกวันนนทรีทรงปลูก ดนตรีทรงโปรด” ซึ่งชาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมใจกันจัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงปลูกและพระราชทานต้นนนทรีเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และทรงดนตรีที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นครั้งแรก โดยงาน “วันที่ระลึกวันนนทรีทรงปลูก ดนตรีทรงโปรด” จัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2546 และจัดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ อธิการบดี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถือกำเนิดด้วยภารกิจในการพัฒนาวิชาการด้านการเกษตร ซึ่งสอดคล้องกับสถานะและอาชีพของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงทุ่มเทพัฒนางานด้านการเกษตรทุกสาขา เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังจะเห็นได้จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กว่า 4,000 โครงการ และ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ได้ทรงพระราชทานแก่ชาวไทย และชาวโลก ได้นำไปประยุกต์ใช้ อย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนจวบจนถึงปัจจุบัน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสืบสานรักษาและต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ เหล่านั้น เพื่อพระราชทานแก่ปวงชนชาวไทยอย่างต่อเนื่องเสมอมา อีกทั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณในด้านต่างๆอีกมากมาย เนื่องในโอกาสวันแห่งประวัติศาสตร์ของชาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เวียนมาบรรจบครบรอบ 59 ปี
“ วันที่ระลึกวันนนทรีทรงปลูก ดนตรีทรงโปรด สืบสานวันทรงดนตรี ” พวกเราชาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ร่วมตั้งปณิธานด้วยความตระหนักว่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะสืบสานพัฒนาวิชาการด้านการเกษตร จะรักษาต้นนนทรีทรงปลูกทั้ง 9 ต้น อันเป็นไม้มงคลให้อยู่คู่กับประชาคมมหาวิทยาลัย จะรักษาตนเองให้เข้มแข็ง และรักษาแผ่นดินไทยไว้ด้วยศาสตร์แห่งแผ่นดิน อันประกอบด้วยศาสตร์พระราชา ศาสตร์ชุมชน และศาสตร์สากล เพื่อพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน