“ผิวแห้ง” ปัญหาผิวใกล้ตัวที่ใครก็ต้องเคยเป็น จะเกิดกับผิวหน้าหรือผิวกายก็สร้างความรำคาญใจให้เราได้ทั้งนั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ มิหนำซ้ำ อาการนี้ยังอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน ลองมาดูกันดีกว่าว่าปัญหาผิวแห้งเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง แล้วจะดูแลอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดและฟื้นฟูผิวให้กลับมาเนียนนุ่มน่าสัมผัสเหมือนเดิม
ลักษณะของผิวที่แห้งกว่าปกตินั้น จะเป็นผิวที่ไม่มีความมันเกาะตัวอยู่บนชั้นผิว รู้สึกแห้งตึงผิวหลังจากล้างหน้าหรืออาบน้ำ มีความแห้งกร้าน แตกลอก รู้สึกเป็นขุยเมื่อสัมผัส หรืออาจลุกลามถึงขั้นลอกเป็นแผ่น ๆ จนสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า นำไปสู่ปัญหาผิวที่รุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผิวไม่เรียบเนียน สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือรู้สึกแสบและระคายเคือง หากยิ่งเกา ก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังได้ง่ายขึ้น มักเกิดกับผิวบริเวณแขน ขา มือ ซึ่งสาเหตุหลักของผิวแห้ง (Dry Skin) ก็เกิดจากน้ำในผิวหนังชั้นหนังกำพร้าลดลงนั่นเอง
ส่องสาเหตุผิวขาดน้ำ นำไปสู่ภาวะแห้งแตก
1. สาเหตุและปัจจัยภายนอก
• การทำความสะอาดผิวบ่อยเกินไปหรือเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ไม่เหมาะสม ทำให้ชำระล้างคราบไขมันตามธรรมชาติที่อยู่บนผิวหนังออกไป ผิวจึงอ่อนแอและสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย
• การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศหรือฤดูกาล ซึ่งคนส่วนใหญ่มักประสบปัญหาผิวแห้งในช่วงฤดูหนาว ซึ่งถือเป็นฤดูที่ผิวจะสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายที่สุด
• วิธีการรักษาโรคบางชนิด เช่น การฉายรังสี การล้างไต รวมทั้งยาหรือสารเคมีบางชนิดที่ใช้ในการรักษาโรค
2. สาเหตุและปัจจัยภายใน
• เกิดจากโรคทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังและโรคสะเก็ดเงิน
• การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน ส่วนมากมักเกิดกับหญิงตั้งครรภ์และคนที่กำลังจะเข้าสู่วัยทอง
• ร่างกายคนเราจะผลิตไขมันในผิวลดลงเมื่ออายุมากขึ้น อีกทั้งผิวยังสูญเสียความแข็งแรงไปตามกาลเวลา จึงสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายขึ้นกว่าตอนหนุ่มสาว
• พฤติกรรมการรับประทานอาหาร หากได้รับสารอาหารสำคัญที่มีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพผิวไม่เพียงพอก็อาจทำให้ผิวขาดวิตามินและแห้งกร้านได้
ผิวมีอาการแห้ง แตก คัน รับมืออย่างไรดี?
เมื่อผิวแห้งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และบางสาเหตุก็อยู่เหนือการควบคุม สิ่งที่เราสามารถทำได้คือการรับมืออย่างถูกวิธี โดยทำเองได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีเหล่านี้
1. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน เพราะจะทำให้ผิวเสียหายและแห้งลงกว่าเดิม ควรอาบน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นจะดีกว่า และไม่ควรอาบน้ำนานเกินไป แค่ 5-10 นาทีก็เพียงพอแล้ว
2. ดื่มน้ำมาก ๆ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวจากภายในสู่ภายนอก และยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย
3. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม หันมาใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์จากธรรมชาติอย่างน้ำมันมะพร้าว น้ำผึ้ง ว่านหางจระเข้จะดีกว่า
4. ทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน มะเขือเทศ บลูเบอร์รี หรือถั่วต่าง ๆ