กสทช.จ่อแก้ต้นตอปัญหา “อยากถ่ายไม่อยากจ่าย” กับ กฎ 'Must Have-Must Carry' เพื่อให้ภาคเอกชนเข้ามาซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลกในอนาคต
ตามที่ กสทช.ได้มีมติให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท.จะต้องจัดสรรโปรแกรมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2022 ให้ผู้ประกอบการดิจิตอลทีวี ด้วยความเป็นธรรม เท่าเทียม และไม่เลือกปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และต้องรายงานผลการดำเนินงานให้สำนักงาน กสทช.ทราบหลังจากจบ MOU นั้น ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กฎ Must Have-Must Carry เป็นอุปสรรคซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก จากกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เตรียมที่จะยกเลิกกฎ Must Have และ Must Carry ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย อย่างไรก็ตามทางกกท.ไม่ขอก้าวล่วง แต่ยังเห็นว่าฟุตบอลโลกมหกรรมกีฬาที่เป็นระดับโลกควรมีการถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีบ้าง
แหล่งข่าวจากวงการกีฬา เปิดเผยว่า Must Have - Must Carry ทั้งสองกฎนี้เป็นอุปสรรคในการที่เอกชนจะเข้าไปเจรจา ซึ่งทำให้ไม่สำเร็จ เดิมทีกฎนี้เป็นเจตนาดีที่ต้องการให้ประชาชนได้รับชมมหกรรมกีฬาระดับโลก คาดว่ากสทช.คงจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ โดยล่าสุดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 พฤศจิกายน 65 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯได้มีคำสั่งห้ามบริษัท ซุปเปอร์ บรอดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด (SBN) ผู้ให้บริการเอไอเอส เพลย์บ็อกซ์ แพร่เสียงและแพร่ภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์ อันเป็นการคุ้มครองสิทธิของกลุ่มทรูในฐานะผู้ได้รับสิทธิอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“การถ่ายทอดฟุตบอลโลกในไทยครั้งนี้มีเรื่องดราม่าเกิดขึ้นตลอด ด้วยเพราะมีกลุ่มที่ “เสียงดัง หน้าแดง แรงไม่ออก” อยากถ่ายทอด แต่ไม่อยากจ่าย กลายเป็นวลีที่คนตั้งคำถาม เมื่อเมืองไทยแทบจะอดดูบอลโลก เพราะมีการละเมิดถ่ายทอดลิขสิทธิ์ ยามที่ไทยต้องการลงขันแก้ปัญหาการถ่ายทอดบอลโลก แต่แทบจะไร้คนร่วมลงขัน แต่พอได้ลิขสิทธิ์มา ก็แห่กันมาขย้ำหาประโยชน์โดยอ้างกฎ must carry ซึ่งเปิดให้คนไทยดูผ่านดิจิทัลทีวีได้ แต่ก็มีการผสมโรงโดยกล่องไอพีทีวี ที่หวังถ่ายทอดฟรีไม่เสียตังค์ โดยอ้างกฎของกสทช. ที่อาจเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ จนเจ้าของลิขสิทธิ์ ต้องมาขู่ยกเลิกลิขสิทธิ์เมืองไทย หากยังปล่อยให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์เช่นนี้ และในอนาคต เอกชนคงไม่กล้าลงทุนคอนเทนต์ที่ถูกลิขสิทธิ์อีกต่อไป บทเรียนนี้จะยังเกิดซ้ำ ๆ หาก กสทช. ยังเป็นผู้ออกกฎที่เอื้อละเมิดลิขสิทธิ์เสียเอง และดูเหมือนว่า กสทช. กำลังหารือเพื่อยกเลิกกฎดังกล่าว เพื่อให้เอกชนมีความเชื่อมั่นในการลงทุน ว่าจะได้รับการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าประเทศไทยจะแก้ไขปัญหานี้กันต่อไปอย่างไร” แหล่งข่าว กล่าว