สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการเปิดร้านค้าขายของออนไลน์ และเห็นช่องทางค้าขาย จนพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาอย่างตั้งใจ จนมั่นใจว่าจะสามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ และยกระดับเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งได้แน่นอน และเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าและแบรนด์ของคุณจะไม่ถูกก็อปปี้หรือเลียนแบบ เราขอแนะนำให้คุณทำการ “จดแบรนด์” หรือจดเครื่องหมายการค้านั่นเอง จะเป็นอย่างไรและมีวิธีการอย่างไร ลองไปดูกัน

เครื่องหมายการค้า คือ เครื่องหมายที่ใช้หรือจะใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับสินค้า เพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น แตกต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น

เครื่องหมายการค้าที่เราคุ้นกันดี ก็คือชื่อแบรนด์และโลโก้นั่นเอง ซึ่งต้องมีการเลือกใช้คำและภาพให้ดี ซึ่งตรงนี้อาจจะเป็นเรื่องลำบากใจเล็กน้อยที่จะหาจุดร่วมระหว่าง ความถูกใจของเรากับข้อกำหนดที่อนุญาตให้จดแบรนด์ผ่านหรือไม่นั่นเอง ก่อนที่เราจะตั้งชื่อและออกแบบโลโก้ของแบรนด์ ลองไปดูข้อกำหนดกันว่า ลักษณะของเครื่องหมายการค้าแบบไหน ที่ทำได้ และแบบไหนจดไม่ผ่านกันบ้าง


 

มีลักษณะบ่งเฉพาะ แต่ไม่บ่งบอกถึงสินค้าและคุณสมบัติของสินค้าโดยตรง นั่นหมายความว่าถ้าคุณจะขายอาหาร คุณไม่สามารถใช้คำว่า อาหาร, ฟู้ด, รสแซ่บ, อร่อย, ครัว, อิ่มท้อง ฯลฯ ที่บ่งบอกถึงการเป็นอาหารหรือคุณสมบัติของอาหารได้เลย แต่คุณอาจใช้เป็นชื่อ นามสกุล ลายเซ็น ภาพของบุคคลได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเรียบร้อยแล้ว 

ไม่เป็นชื่อทางภูมิศาสตร์ เช่น ชื่อเมือง อำเภอ จังหวัด แม่น้ำ ดังนั้น มั่นใจได้เลยว่า หากชื่อแบรนด์ของคุณหรือโลโก้ จะมีคำว่า Bangkok ก็มีแนวโน้มที่จะจดแบรนด์ไม่ผ่านนั่นเอง

ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย เช่น ตราแผ่นดิน, ตรา ธง และเครื่องหมายทางราชการ ธงชาติ, ตรา ธง และภาพอันเกี่ยวเนื่องกับพระราชวงศ์, สัญลักษณ์ประจำชาติ ตลอดจนเครื่องหมายที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือรัฐประศาสโนบาย ดังนั้น ไม่ว่าจะใช้ภาพเทพเจ้าของศาสนาใด หรือภาพที่ดูสองแง่สองง่าม รับรองว่าจดเครื่องหมายการค้าไม่ผ่านแน่นอน

ไม่มีลักษณะเหมือน / คล้ายกับเครื่องหมายการค้าที่บุคคลอื่นได้จดทะเบียนไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ ทั้งตัวหนังสือ สี ฟอนต์ ต้องไม่ซ้ำกับคนอื่น หรือจะบอกว่าแค่มีลักษณะคล้าย ๆ ไม่เหมือนซะเลยทีเดียว ก็มีโอกาสจดแบรนด์ไม่ผ่านเช่นกัน

เมื่อมั่นใจว่าแบรนด์หรือเครื่องหมายการค้าของเราไม่เข้าข่ายต้องห้าม และน่าจะจดผ่าน ก็เดินหน้าต่อได้เลย เพราะการจะบอกให้คนอื่นรู้ว่ามีเครื่องหมายการค้าหรือแบรนด์ของเราอยู่ก่อน อย่ามาใช้ซ้ำ อย่ามาลอกเลียนแบบ นั่นคือ เราต้องไปจดแบรนด์ หรือจดเครื่องหมายการค้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือผ่านสำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือผ่านเว็บไซต์ www.ipthailand.go.th หรือยื่นผ่านทางไปรษณีย์ก็ได้เช่นกัน

โดยมีเอกสารประกอบที่ต้องใช้ คือ แบบคำขอจดทะเบียน (ก.01), รูปเครื่องหมายการค้า, สำเนาบัตรประจำตัวหรือสำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคล ฉบับนายทะเบียนให้คำรับรองและออกให้ไม่เกิน 6 เดือน ของผู้ขอจดทะเบียน, หากมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน ต้องมีหนังสือมอบอำนาจและสำเนาบัตรประจำตัวหรือหนังสือรับรองนิติบุคคล ฉบับนายทะเบียนให้คำรับรองและออกให้ไม่เกิน 6 เดือน ของผู้รับมอบอำนาจ (ถ้ามี), ค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอจดทะเบียนต่อ 1 จำพวกสินค้า

แต่หากมองว่าอาจเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเกินไป เดี๋ยวนี้มีหลายบริษัทที่รับจดเครื่องหมายการค้าแบบครบวงจร ตั้งแต่การสืบค้นและวิเคราะห์ การคิดชื่อและออกแบบโลโก้เพื่อให้แน่ใจว่าแบรนด์ที่ออกแบบนี้ไม่ซ้ำกับคนอื่นและจดผ่านแน่นอน นอกจากนี้ ยังมีบริการเตรียมคำขอพร้อมเอกสาร ยื่นจดทะเบียน ตลอดจนติดตามดูแลจนกระทั่งได้รับการจดแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการจดแบรนด์ในไทยหรือต่างประเทศก็ตาม เพื่อให้คุณมั่นใจว่าจะได้รับการจดเครื่องหมายการค้าได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วที่สุด