เมื่อคุณเบื่อใบหน้าที่ดูเหนื่อยหน่าย เต็มไปด้วยริ้วรอย อ่อนล้า และหย่อนคล้อยของตัวเอง จนตัดสินใจจะปรับโฉมหน้าใหม่ให้อ่อนเยาว์ สดใสด้วยหมอ แต่จะใช้วิธีไหนดี เพราะไม่อยากถึงขั้นผ่าตัดศัลยกรรมยกใหญ่ขนาดนั้น วันนี้เรามีวิธีมาให้เลือกระหว่างฉีดโบท็อกซ์ กับทำ HIFU เพราะล้วนแต่ให้ผลลัพธ์ในการลดรอยตีนกา ร่องแก้ม หน้าผาก หรือหว่างคิ้ว ทำให้ผิวและใบหน้าดูอ่อนวัยกว่าเดิม แถมปรับรูปหน้าให้เล็ก เรียว และกระชับเป็น V-Shape แต่ทั้งสองแบบคืออะไร มีข้อดี ข้อเสียและควรเลือกแบบไหน ลองมาดูกัน

 

การฉีดโบท็อกซ์ จบทุกร่องลึก ริ้วรอยมาก


การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) เป็นการฉีดสาร Botulinum toxin A ไปทำให้กล้ามเนื้อเราคลายตัว เช่นหากเรากรามใหญ่ ก็สามารถฉีดโบท็อกซ์ให้ขนาดกรามลดลง หน้าเรียวขึ้นได้ ซึ่งการทำครั้งนึงสามารถอยู่ได้ประมาณ 3-8 เดือน ขึ้นกับการดูแล 

ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์


•    สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลาย 
•    สามารถฉีดเพื่อคลายกล้ามเนื้อให้ริ้วรอยหายไป ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยร่องลึก หรือการลดขนาดกรามเพื่อทำให้หน้าเรียว 
•    สารชนิดนี้สลายได้เองภายในระยะเวลา 6-12 เดือน โดยไม่มีสารตกค้างจึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

ข้อเสียในการฉีดโบท็อกซ์


•    หากแพทย์ไม่มีความรู้ ความชำนาญพอ หรือปริมาณสารโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปนั้นมากเกินไป อาจจะทำให้หน้าเบี้ยวได้ 
•    หลังฉีดโบท็อกซ์อาจมีผลข้างเคียง เช่น ปวดบวม มีรอยช้ำบริเวณที่ฉีด 
•    แม้ราคาฉีดโบท็อกซ์จะราคาถูกกว่าการทำ HIFU แต่ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน ต้องกลับมาทำซ้ำบ่อย ๆ 
•    เสี่ยงต่อการเจอโบท็อกซ์ปลอม ดังนั้นก่อนฉีดโบท็อกซ์ควรเตรียมศึกษา สังเกตโบท็อกซ์แท้ยี่ห้อต่าง ๆ และควรให้หมอแกะกล่องเปิดขวด ผสมให้ดู และหลังฉีดควรขอกล่องและขวดกลับบ้านไว้ตรวจสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าได้ของแท้จริง ๆ

HIFU นวัตกรรมพลังงานคลื่นเข้มข้นเพื่อยกกระชับ


HIFU หรือ High Intensity Focus Ultrasound เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ความเข้มข้นสูง ส่งเข้าไปทำให้ผิวหนังในชั้น SMAS หดตัว กระตุ้นให้ผิวหนังสร้างคอลลาเจน หรือสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ ให้ผิวดูยกกระชับและอ่อนเยาว์มากขึ้น โดยไม่ต้องลงเข็มที่ใบหน้าให้เจ็บเหมือนฉีดโบท็อกซ์ ไม่ต้องพักฟื้นและไม่มีรอยแผลใด ๆ HIFU เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยน้อย ๆ ร่องใต้ตาร่องแก้มไม่ลึกมาก ทำได้บ่อยครั้งและหลังการทำ HIFU ยังสามารถทำการรักษาร่วมกับหัตถการอย่างอื่นได้

ข้อดีของการทำ HIFU 


•    ไม่เป็นแผล ไม่มีเลือดออก ไม่ต้องใช้เข็ม 
•    เห็นผลทันทีประมาณ 20% หลังทำ
•    เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนที่มีอายุ 25-35 ปี โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย

ข้อเสียของการทำ HIFU


•    มีราคาสูงกว่าการฉีดโบท็อกซ์ 
•    อาจมีรอยแดงที่หายได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมง 
•    จะเห็นผลเต็มที่ในระยะ 2-3 เดือน 
•    โดยทั่วไปจะอยู่ได้ 5-6 เดือน อาจต้องทำซ้ำ 1-2 ครั้งต่อปี 

หากผิวหน้ามีปัญหาและมีริ้วรอยมาก ก็แนะนำว่าให้ฉีดโบทอกซ์จะดีกว่า และสำหรับผู้ที่อายุไม่มากนัก เพิ่งจะเริ่มมีริ้วรอยบ้าง แนะนำว่าทำ HIFU หรือลองสำรวจตัวเองว่าสำหรับผิวหน้าตนเองตอนนี้แล้วเหมาะจะทำแบบไหนกันแน่ เพราะการฉีดโบทอกซ์และการทำ HIFU ต่างมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ทั้งในเรื่องราคา และกระบวนการ สิ่งที่ควรคำนึงถึงมากที่สุดคือความเชี่ยวชาญของแพทย์ และคุณภาพมาตรฐานของคลินิกที่ให้การรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและไม่เป็นอันตรายไม่ว่าจะเลือกเทคนิคไหนก็ตาม