ผอ.ศูนย์ BLUE HOUSE ปชป.’ ลงพื้นที่ ‘สุพรรณบุรี’ ตามยุทธศาสตร์ ‘สองพี่น้องต้องปลอดภัย’ ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายใน ‘วัด โรงเรียน ตลาด’ – ‘เมฆินทร์’ ย้ำ 3 สถานที่เสี่ยง ที่สามารถแพร่กระจายเชื้อได้อย่างรวดเร็ว ต้องได้รับการฉีดพ่นอย่างสม่ำเสมอ  พร้อมเชิญชวนผู้สูงอายุฉีดวัคซีนเพื่อสร้างความปลอดภัยให้ลูกหลานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด ผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ และช่วยเหลือประชาชน พรรคประชาธิปัตย์  (BLUE HOUSE)  พร้อมด้วยทีมงานของศูนย์ฯ และนางบังอร ทองคำดี อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางตะเคียน อ.สองพี่น้อง ร่วมกันลงพื้นที่ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อและมอบหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันไวรัสโควิด – 19 ในภายในศาสนสถาน พื้นที่สถานศึกษา และในพื้นที่ อ. สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี  เช่น วัดไผ่โรงวัว โรงเรียนวัดไผ่โรงวัว ต.บางตาเถร  โรงเรียนวัดบางสะแก วัดบางสะแก ต.บ้านกุ่ม โรงเรียนวัดสำเภาทอง โรงเรียนวัดบางสาม วัดบางสาม ต.บางตะเคียน ตลาดน้ำบางสาม ตลาดเจริญทรัพย์ (โคกตาเอก) ต.บางเลน ภายใต้ยุทธศาสตร์ ‘สองพี่น้องต้องปลอดภัย’ โดยนายเมฆินทร์ ระบุว่า การลงพื้นที่เพื่อฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อและมอบหน้ากากอนามัยในพื้นที่ที่ถือว่าเป็นแหล่งชุมชนที่มีเด็กและประชาชนไปรวมตัวเป็นจำนวนมากนั้น เนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดการกระจายของเชื้อไวรัสทำให้ติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้น ทางศูนย์ฯ จึงได้มีการลงพื้นที่ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อให้เกิดความมั่นใจของประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม โดยเฉพาะวัดไผ่โรงวัว ซึ่งเป็นสถานที่ที่พุทธศาสนิกชนได้เดินทางมาทำบุญและท่องเที่ยวเยี่ยมชมสถานที่ภายในวัด เช่น พระพุทธรูปปูนปั้นองค์สีขาวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง สังเวชนียสถานจำลอง เมืองนรกภูมิ และเมืองสวรรค์ สร้างขึ้นเพื่อย้ำเตือนให้มนุษย์ตระหนักถึงเรื่องบาปกรรมและเน้นย้ำให้มนุษย์เดินหน้าประกอบกรรมดี และมีหลายๆ สิ่งก่อสร้างที่ประชาชนเคยเห็นผ่านทางโทรทัศน์ในการถ่ายทำละครพื้นบ้าน ซึ่งถือว่า เป็นจุดที่เชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายไปได้ทั่วบริเวณ ดังนั้น ตนและทางศูนย์ฯ จึงได้ทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมสถานที่ดังกล่าวด้วย           “ผมได้กราบนมัสการและพูดคุยกับพระครูอนุกูลปัญญากร รองเจ้าคณะอำเภอสองพี่น้อง เจ้าอาวาสวัดไผ่โรงวัว เกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด – 19 ซึ่งพระคุณเจ้าได้กรุณาเล่าให้ผมฟังว่า พระภิกษุภายในวัดเองขาดแคลนหน้ากากอนามัย และอุปกรณ์ในการป้องกันไวรัส เพราะทุกๆวัน พุทธศาสนิกชนจากทั่วสารทิศต่างๆมาทำบุญและเที่ยวชมวัดเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการป้องกันไวรัสอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้เกิดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ที่สร้างความวิตกกังวลให้กับคนไทยโดยรวม เพราะฉะนั้น ทางศูนย์ฯ จึงได้ถวายหน้ากากอนามัยที่เหมาะกับสมณสารูป และมอบเจลแอลกอฮอล์และน้ำยาฆ่าเชื้อให้กับทางไวยาวัจกรของวัดในเบื้องต้น เพื่อดำเนินฉีดพ่นและให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้ทำความสะอาดหลังจากที่รับของถวายจากญาติโยม  ทั้งนี้ ผมเห็นว่า สถานที่ที่ทางศูนย์ฯ มีความเป็นห่วงมากที่สุด ก็คือ ศาสนสถานโดยเฉพาะวัด โรงเรียน และตลาด  ดังนั้น นอกจากจะเร่งการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในวัยเรียนและผู้สูงอายุแล้ว ผมจึงอยากขอเสนอให้มีการฉีดพ่นสถานที่ที่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้ออย่างสม่ำเสมอ เพราะมีหลายงานวิจัยที่เชื่อถือได้ว่า เชื้อไวรัสสามารถติดอยู่กับพื้นผิวสัมผัสได้เป็นระยะเวลานาน ดังนั้น นอกจากจะมีการป้องกันด้วยตัวเองอย่างเข้มงวดแล้ว ผมอยากให้หน่วยงานรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่ฉีดพ่นฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่เพียงเป็นครั้งเป็นคราวหรือทำเมื่อมีคนในพื้นที่ติดเชื้อ เท่านั้น เพื่อเป็นการสร้างความปลอดภัยให้กับคนในพื้นที่อีกชั้นหนึ่งในการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด – 19 อีกทั้ง ผมขอเชิญชวนให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ให้มาฉีดวัคซีนเพื่อลดความรุนแรงของไวรัสฯ ที่มีต่อร่างกาย เพื่อที่จะได้สร้างความมั่นใจต่อลูกหลานในการเยี่ยมเยือนในเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงด้วย  ” นายเมฆินทร์กล่าว