เรื่องราวอลเวงครั้งนี้เกิดขึ้นจากเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 65
ได้มีสมาชิกเฟซบุ๊ค Thusupa Patsyy Vanidchayagounwong โพสต์ข้อความ และภาพ เพื่อตามหาพ่อ โดยไม่ทราบว่า หายไปจาก เนอร์สซิ่งโฮม หรือ โรงพยาบาล จนทราบต่อมาว่าผู้ที่โพสต์ก็คือ นางสาวธัชสุภา วณิชยกุลวงศ์ หรือ แพท
และคุณพ่อ ที่ตามหาคือ นายธีระ ระงับโจร มีอาการป่วยอัลไซเมอร์ อยู่ในความดูแลของ เนอร์สซิ่งโฮมแห่งหนึ่งย่านเมืองเอก มานานกว่า 7 ปี ซึ่งเมื่อช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมาทางเนอร์สซิ่งโฮม พบผู้ป่วยติดโควิดจำนวนมาก รวมถึงคุณพ่อธีระ ด้วย จึงมีการส่งต่อเข้ารักษาที่ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดปทุมธานี
โดยคืบหน้าล่าสุดน.ส.ธัชสุภา วณิชยกุลวงศ์ ได้เข้าแจ้งความและเจ้าพบกับพ.ต.ต.สุธน จิตตภูมิภักดี สว.(สอบสวน) สภ.เมืองปทุมธานี ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า นายธีระ ระงับโจร อายุ 66 ปี ซึ่งเป็นบิดา ได้เข้ารับการรักษาอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 ที่ รพ.แห่งหนึ่งในจ.ปทุมธานี แล้วเกิดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เพื่อให้ตำรวจช่วยติดตามและหาสาเหตุการหายตัวไปว่าเกิดจากสาเหตุใด
จนต่อมาตกเย็นของวันที่ 7 มี.ค.ทาง รพ.ดังกล่าวโทรฯ มาแจ้งว่าผู้ป่วยอาการไม่ดีให้เข้ามาดูใจเป็นครั้งสุดท้าย ตัวเองและญาติจึงเดินทางไปที่ รพ.ดังกล่าว แต่พบว่าผู้ที่อาการหนักนอนอยู่บนเตียงไม่ใช่พ่อของตน แต่ชื่อที่เตียงกลับระบุว่าเป็นชื่อพ่อ ซึ่งตนเองได้บอกกับทางพยาบาลว่า ผู้ป่วยรายนี้ไม่ใช่พ่อของตนเอง โรงพยาบาลกลับแจ้งว่าเป็นพ่อของตนเอง ตามเอกสารการรักษา หรืออาจจะเป็นเพราะว่าสารอาหารไม่มี ทำให้ใบหน้าเปลี่ยนอาจจะจำไม่ได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ตัวเองจะจำพ่อไม่ได้ เพราะนั่นไม่ใช่พ่อเธอ
จากนั้นน.ส.ธัชสุภา จึงไปหาข้อมูลผู้ป่วยที่นอนรักษาอยู่นั้นคือใคร โดยการโทรฯ หาพี่เลี้ยงที่ศูนย์ฯ ซึ่งทางพี่เลี้ยงก็บอกว่าไม่ใช่พ่อของตนเอง สำหรับผู้ป่วยคนดังกล่าวกลับชื่อนายบุญหนา (ขอสงวนนามสกุล) ตนเองตกใจและเช็กไปยัง รพ.ดังกล่าว ได้ข้อมูลว่า นายบุญหนาได้เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคโควิด-19 ต่อมาจึงได้ติดต่อไปยังลูกสาวของนายบุญหนาได้รับคำตอบว่าพ่อเสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. และเผาไปวันที่ 24 ม.ค. ที่วัดหงษ์ ต.บางปรอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี
จนน.ส.ธัชสุภาได้ขอให้เธอมาดูและตรวจสอบหน่อย ซึ่งเมื่อวานนี้ ลูกสาวนายบุญหนา ก็ได้เดินทางมา รพ.ดังกล่าว ก็พบว่าเป็นพ่อตนเองจริงๆ ก่อนถามกลับอีกว่า แล้วคนที่ตัวเองเผาไปคือใคร
น.ส.ธัชสุภาจึงเรียกร้องอยากให้ทางโรงพยาบาลออกมาชี้แจงให้ชัดเจนเลยว่า ขั้นตอนการรักษาหากมีการสลับชื่อกันจริง จะให้ยาอย่างไร เพราะปกติพ่อของเธอเองไม่มีโรคประจำตัว แค่ติดโควิด-19 อาการไข้ไม่มี ส่วนอาการของนายบุญหนา คือมีการติดเชื้อที่ปอด ถจึงอยากจะรู้ว่ารักษากันแบบไหน จนถึงขณะนี้ที่เตียงของนายบุญหนา ยังใช้ชื่อนายธีระ ซึ่งเป็นพ่อของตนเองอยู่ และพ่อของตนหายไปไหนกันแน่
ต่อมาคณะแพทย์ของโรงพยาบาลดังกล่าวได้เชิญ น.ส.ธัชสุภา ไปรับฟังคำชี้แจง โดยมีญาติของนายบุญหนาที่ป่วยโควิดเช่นกันเข้ามารับฟังคำชี้แจงในครั้งนี้ด้วย โดยรพ.กล่าวชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค. เวลา 18.14 น. หอผู้ป่วย 1/5 ได้รับผู้ป่วยโควิด 2 ราย คือนายบุญหนา (ขอสงวนนามสกุล) และนายธีระ (ขอสงวนนามสกุล) จากศูนย์ดูแลผู้สูงอายุเอกชน เป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถสื่อสารได้ ให้อาหารทางสายยางทั้งสองราย รับเข้ามาดูแลในห้องผู้ป่วยห้องเดียวกัน 2 เตียง โดยเตียงเลขที่ 901 คือ นายธีระ และเตียงเลขที่ 902 คือ นายบุญหนา
ต่อมาวันที่ 20 มกราคม 2565 เวลา 04.00 น. ทางหอผู้ป่วยแยกโรค 1/5 ต้องเตรียมรับผู้ป่วยหนักรายอื่น จึงได้ทำการเตรียมย้ายผู้ป่วย 2 รายดังกล่าว ไปหอผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรวม (3/3) และด้วยผู้ป่วยทั้ง 2 รายนี้ มีสภาพอาการใกล้เคียงกันและย้ายในเวลาใกล้เคียงกันจึงคาดว่าน่าจะมีการสลับชื่อผู้ป่วย แต่ผู้ป่วยทั้ง 2 รายยังได้รับการรักษาตามอาการของแต่ละคน ระหว่างนั้นหอผู้ป่วยได้สื่อสารกับญาติของผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ทางโทรศัพท์เป็นระยะ ๆ ตามอาการที่บันทึกในเวชระเบียน เนื่องจากไม่สามารถให้ญาติเข้าเยี่ยมได้ตามมาตรการเฝ้าระวังโควิด
จนวันที่ 23 มกราคม 2565 เวลา 16.00 น. ผู้ป่วยหนึ่งในนั้นมีอาการทรุดลงและเสียชีวิต ซึ่งชื่อตามเวชระเบียนและใบมรณะบัตรที่ออกคือนายบุญหนา จึงได้ประสานแจ้งญาติ ชื่อคุณตู๋ บุตรสาวนายบุญหนา มารับศพและได้จัดการศพตามมาตรการโควิดคือบรรจุศพลงในถุงซิปล็อก 2 ชั้น ญาติไม่สามารถเปิดดูสภาพศพและใบหน้าผู้เสียชีวิตได้ ซึ่งญาติไปดำเนินการตามพิธีการทางศาสนาที่วัดหงส์ปทุมวาส จังหวัดปทุมธานี
หลังจากฌาปนกิจ ได้มอบกระดูกไว้ให้ญาติไปเก็บไว้ที่บ้าน ณ จังหวัดชลบุรีและลอยอังคารที่อำเภอสัตหีบส่วนหนึ่ง
ส่วนผู้ป่วยอีกรายชื่อตามเวชระเบียนคือนายธีระ (ขอสงวนนามสกุล)ซึ่งมีอายุ 65 ปีเท่ากันและสภาพอาการป่วยติดเตียงและสื่อสารไม่ได้ ให้อาหารทางสายยางเช่นกัน มีอาการโควิดดีขึ้น และพ้นระยะแพร่กระจายเชื้อ แต่ยังมีภาวะแทรกซ้อนปอดอักเสบ จึงได้ทำการย้ายไปรักษาต่อที่หอผู้ป่วยอายุรกรรมชายเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2565 เวลา 10.00 น. และได้มีการแจ้งอาการกับญาติเป็นระยะ ๆ โดยญาติไม่ได้รับการอนุญาตเข้าเยี่ยม เนื่องจากมาตรการโควิด
ต่อมาวันที่ 7 มีนาคม เวลา 19.35 น. ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อยหอบ ทรุดลง ทางหอผู้ป่วยอายุรกรรมชายจึงติดต่อญาติ และญาติได้เข้ามาเยี่ยมวันที่ 7 มีนาคม 2565 เวลา 20.30 น. แพทซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองของนายธีระ มาเยี่ยมผู้ป่วยและถามว่าผู้ป่วยอยู่เตียงไหน และมาเยี่ยมที่เตียงผู้ป่วยหมายเลข 25/1 ได้คุยอาการกับพยาบาลว่าขอปรึกษาพี่สาว ชื่อแจน ก่อน
เมื่อพี่สาวมาถึงเวลา 21.00 น. พบว่าผู้ป่วยที่นอนอยู่ไม่ใช่บิดาของตน และยืนยันด้วยบัตรประชาชนที่ชัดเจนว่าหน้าคนในบัตรไม่เหมือนกับคนที่นอนอยู่ ซึ่งบัตรประชาชนชื่อคุณธีระ จึงสันนิษฐานว่าคุณธีระ ตัวจริงน่าจะเสียชีวิตไปแล้วในนามของคุณบุญหนา ซึ่งจะต้องทำการสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป