ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในเมืองหลวงที่เป็นใจกลางการระบาด ปริมาณขยะติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ต้องได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง รวดเร็ว เพื่อลดการแพร่กระจายของโรค กฎกระทรวงว่าด้วยการกำจัดขยะมูลฝอยติดเชื้อ พ.ศ. 2545 ให้นิยาม "ขยะติดเชื้อ" ว่า คือมูลฝอยที่มีเชื้อโรคปะปนอยู่ในปริมาณหรือมีความเข้มข้น ซึ่งถ้ามีการสัมผัสหรือใกล้ชิดกับมูลฝอยนั้นแล้วสามารถทำให้เกิดโรคได้ ที่ผ่านมาขยะเหล่านี้มาจากหลายสถานที่ ทั้งที่เป็นซากชิ้นส่วนมนุษย์หรือสัตว์ วัสดุที่สัมผัสกับเลือด สารที่สัมผัสกับมนุษย์ สัตว์ หรือเชื้อโรค เช่น เข็มฉีดยา ผ้าก๊อซ สำลี เป็นต้น ขยะติดเชื้อ มีทั้งที่เป็นขยะมูลฝอยติดเชื้อทั่วไป รวมไปถึงขยะติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 37,000 กก.- 41,000 กก. ในแต่ละวัน โดยเฉพาะในกรณีหน้ากากอนามัย รวมไปถึงชุดตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ที่กำลังเพิ่มขึ้นในขณะนี้ ย้อนกลับไปในช่วง 2 ปีนับตั้งแต่มีโรคระบาดพบว่า กรุงเทพฯ มีปริมาณขยะมูลฝอยลดลง โดยปี 2564 ถึงเดือน มิ.ย. มีปริมาณเฉลี่ยอยู่ที่ 8,704.87 ตันต่อวัน เทียบกับ ค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโรคระบาดที่อยู่ที่ 10,500 ตันต่อวัน อย่างไรก็ตามประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียหลายประเทศ ยังขาดระบบ เครื่องมืออุปกรณ์และกฎระเบียบที่เหมาะสมสำหรับการจัดการและกำจัดขยะทางการแพทย์และขยะอันตราย ขยะอันตรายมักนำไปเผาในที่โล่งแจ้งร่วมกับขยะมูลฝอยในเขตเทศบาล การรีไซเคิลอย่างผิดกฎหมายและนำไปขายต่อ ทำให้เกิดความเสี่ยงที่สำคัญต่อสุขภาพของผู้มีหน้าที่จัดการขยะและสิ่งแวดล้อม เมื่อนำขยะทางการแพทย์ไปกำจัด มักจะอยู่เป็นสถานที่เก่า ไม่มีเครื่องมือที่เพียงพอ มีความสามารถต่ำและไม่มีการระบบป้องกันความปลอดภัยที่เพียงพอ ซึ่งเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ล้าสมัยควรได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัยเพื่อหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซพิษและสร้างพลังงานสะอาดจากกองขยะ ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ในเอเชียไม่มีความสามารถในการทำให้ระบบทันสมัยขึ้น แต่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงความสามารถในการกำจัดขยะทางการแพทย์ให้ทันสมัยในระดับภูมิภาค โดยอาจจะใช้แนวทางการนำเทคโนโลยีใหม่มาปรับใช้ในเชิงพาณิชย์ในห่วงโซ่มูลค่าการกำจัดขยะ ดังนั้น เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อมีความสำคัญเป็นอย่างมาก นายธนกร วิทยะสิรินันท์ ผู้บริหาร บริษัท วินเนอร์ยี่ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า มีหลายประเทศทั้ง ฝรั่งเศส เวียดนาม ได้นำเครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ Sterliwave 100 แบบไมโครเวฟมาใช้จัดการขยะติดเชื้อ ทั้งนี้ เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อSterliwave 100 เป็นเครื่องจัดการขยะติดเชื้อแบบไมโครเวพ กำจัดของเสีย / ขยะติดเชื้อทางการแพทย์ / ของเสียอันตรายทางชีวภาพ (Biohazard waste disposal) เพื่อการใช้งานในคลินิก / สถานพยาบาลฟอกเลือด / โรงพยาบาล / ห้องปฏิบัติการณ์  ซึ่งเป็นแนวทางแก้ไขในสถานที่โดยอัตโนมัติแบบบูรณาการ (การฆ่าเชื้อและย่อยในเครื่องเดียวกัน) ที่ผ่านการรับรองและปฏิบัติอย่างถูกต้องเหมาะสม (ตามคำแนะนำของ EU และ WHO) ไม่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม - ขยะที่ถูกย่อยแล้วจะลดลงเหลือเพียง 1/5 ของปริมาตรเดิมโดยไม่ปล่อยสารที่เป็นอันตรายออกมา คุ้มค่า – ค่าใช่จ่ายและการบำรุงรักษาไม่แพง มีความปลอดภัย – ประตูล็อคอัตโนมัติ ป้องกันการหยุดชะงักโดยไม่ได้รับอนุญาต มีประสิทธิภาพ –เครื่องเดียวสามารถใช้งาน / ให้บริการโรงพยาบาล คลินิก หรือห้องปฏิบัติการขนาดกลางได้ กระบวนการทั้งหมดเป็นไปโดยอัตโนมัติไม่ว่าจะการเปิดและปิดฝาภาชนะ การปรับและการหมุนของภาชนะ  รวมทั้งขั้นตอนของการย่อย และการฆ่าเชื้อรอบของการทำงานจะขึ้นอยู่กับความจุ อาจใช้เวลาเร็วเพียง 15-35 นาที และสามารถกำจัดขยะได้ถึง150 กิโลกรัมต่อชั่วโมง หลังจากผ่านการฆ่าเชื้อในเครื่อง ของเสียจะกลายเป็นขยะปลอดเชื้อส่วนของเหลวจากขยะของเสียจะถูกทำให้เป็นไอภายในภาชนะ  กลับมาควบแน่น และระบายออกสู่ท่อน้ำทิ้งเนื่องจากขยะ / ของเสียในภาชนะถูกทำให้แห้งแล้ว จึงไม่มีความเสี่ยงที่จะมีน้ำเสียปนเปื้อนขยะ/ของเสียถูกย่อย เป็นเศษชิ้นเล็ก ไม่เป็นพิษ และแห้ง จึงปลอดภัยที่จะนำไปจัดการทิ้งเหมือนขยะทั่วไป เครื่องกำจัดขยะติดเชื้อ ระบบไมโครเวฟ มีกระบวนการกำจัดขยะติดเชื้อ ด้วยความร้อนจากคลื่นไมโครเวฟ โดยขยะติดเชื้อที่ผ่านเข้าระบบจะถูก ทำให้มีขนาดเล็ก และปลอดเชื้อ ซึ่งขยะปลอดเชื้อที่ได้สามารถนำกลับไป ใช้ประโยชน์ได้ รวมถึงเป็นเชื้อเพลิง RDF ดังนั้นจึงให้ผลลัพธ์ของการฆ่าเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การกำจัดขยะติดเชื้อด้วยวิธีที่เหมาะสมด้วยระบบระบบสุขอนามัยที่ดีและยืดหยุ่น เป็นส่วนสำคัญในการวางแผนรับมือกับการระบาดครั้งใหญ่และการฟื้นฟู หากสามารถดำเนินการอย่างถูกต้องระหว่างการระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึง การรับมือกับการระบาดที่อาจจะมีขึ้นในครั้งต่อไปก็ง่ายต่อการจัดการ และไม่ส่งผลต่อการติดเชื้อที่จะขยายวงกว้างไปสู่ประชาชนและสิ่งแวดล้อม.