เมื่อวันที่ 12 ม.ค.65 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.มานะ กลีบสัตบุศย์ ผบก.ปทส. ได้สั่งการลให้ พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปทส. พ.ต.ท.เอนก นาคธร รอง ผกก.4 บก.ปทส. พ.ต.ท.เกียรติพันธ์ เจริญชนิกานต์ รอง ผกก.4 บก.ปทส. พร้อมกำลังตำรวจสืบสวนหาข่าวเกี่ยวกับการมีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครอง และการค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยผิดกฎหมาย ต่อมาได้มีพลเมืองดีร้องเรียนมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส.ว่า มีบ้านหลังหนึ่งในบริเวณหมู่บ้านไก่ระว้า ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก มีเสียงร้องของนกดังมากจนได้รับความเดือดร้อนรำคาญกับประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงเชื่อว่า เป็นนกที่จับได้จากธรรมชาติจึงได้ส่งภาพเคลื่อนไหวมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่า ได้ยินเสียงร้องของนกได้ชัดเจนสามารถมองเห็นตัวนกชนิดต่าง ๆ หลายตัว
ต่อมาในวันที่ 11 ม.ค. 65 ชุดปฏิบัติการพิเศษตำรวจ ปทส. ได้สนธิกำลังร่วมกับหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.1 (วังทอง) ชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจพิเศษสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 พิษณุโลก, ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่าสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 และเจ้าหน้าที่สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3(ภาคเหนือ)เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านไก่ระว้า ต.ท่าตาล อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก โดยเชื่อว่าเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวนี้มีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าบล พ.ศ. 2562
จากการตรวจสอบพบ นกอีล้ำ/อีดำ,นกกวัก,นกเขาไฟ และนกอีลุ้ม รวมทั้งสิ้น 20 ตัว ซึ่งถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองพ.ศ.2546สอบถามจากนายเสนาะ(ขอสงวนนามสกุล) ผู้ครอบครองอ้างว่าต้นได้ล่ามาจากธรรมชาติจริงโดยนำมากักขังไว้เพื่อดูเล่น ซึ่งเจ้าหน้าที่เห็นว่านกดังกล่าวเป็นนกที่ถูกจับได้จากธรรมชาติเนื่องจากไม่มีห่วงขา และนกไม่ชินกับการอยู่ในกรง ขวนขวายพยายามที่จะออกจากกรงตลอดเวลา บ่งบอกถึงการได้รับความทรมานจากการถูกกักขัง อีกทั้งการกระทำเป็นความผิดตามกฎหมาย และไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะนำสัตว์ที่อยู่ตามธรรมชาติมากักขังไว้จึงได้ร่วมกันจับกุมตัวนำตัวนายเสนาะฯผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางกระทุ่ม ดำเนินคดี
ทั้งนี้ตามระเบียบกฎหมายในการคุ้มครองดูแลสัตว์ป่าซึ่งในระหว่างการนำของกลางซึ่งเป็นนกจำนวน 20 ตัวนี้ส่งพนักงานสอบสวนนั้นได้มีประชาชนโดยรอบให้ความสนใจในตัวนกและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อจำนวนมากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. จึงได้อธิบายข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนกของกลางและสัตว์ป่าคุ้มครองที่เกี่ยวข้องในการครอบครองการเพาะพันธ์อย่างถูกกฎหมาย ความสำคัญของการอนุรักษ์สัตว์ป่าคุ้มครองทุกชนิดเพื่อความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทยต่อไป
จึงขอฝากประชาสัมพันธ์เตือนถึงพี่น้องประชาชนไม่ควรทำลายธรรมชาติทางอ้อมโดยการจับสัตว์ที่มีอยู่ในระบบนิเวศตามธรรมชาติมาเลี้ยงเอาไว้ในกรงเพื่อความสุขของตนเองเท่านั้น เพราะต่อให้ท่านจะเลี้ยงอย่างไร ผลกระทบทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะแต่ตัวท่านเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อระบบนิเวศภาพรวมที่จะต้องเสียไป หากคิดในมุมกลับกันหากเป็นตัวท่านที่ต้องถูกกักขังบ้างจะรู้สึกอย่างไร ในส่วนของการล่าสัตว์มาจากธรรมชาติโดยเฉพาะสัตว์ป่าคุ้มครองนั้น มีอัตราโทษสูงถึงจำคุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับส่วนการค้า และการเพาะพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครอง ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหากไม่ได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ทั้งนี้หากพบบุคคลที่มีพฤติกรรมการการกระทำความผิดเกี่ยวกับสัตว์ป่าไม่ว่าจะเป็นในเขตห้ามล่าหรือจุดใด สามารถแจ้งเบาะแสมาที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, สายด่วน 1136







