ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทย (มท.) จำนวน 28 ตำแหน่ง โดยตำแหน่งสำคัญที่มีการจับตามองมากที่สุด คือ "ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย" ที่ ครม.ไฟเขียวให้ "นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ" อธิบดีกรมพัฒนาชุมชน ไปดำรงตำแหน่งแทน "บิ๊กฉิ่ง" นายฉัตรชัย พรหมเลิศ" ที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้
ที่ผ่านมาผลงานที่ "บิ๊กฉิ่ง" นายฉัตรชัย พรหมเลิศ" สร้างไว้ระหว่างที่นั่งเก้าอี้ปลัด มท. มีมากมาย และยังมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และด้วยความที่มีจุดแข็งเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี มีความยืดหยุ่น ประนีประนอมสูง สนองนโยบายได้ดี จนถูกมองว่าชีวิตหลังหมออายุราชการของ "บิ๊กฉิ่ง" จะลงสู่ถนนการเมืองหรือไม่
หากย้อมกลับไปดูเส้นทางการรับราชการของ "บิ๊กฉิ่ง" นายฉัตรชัย พรหมเลิศ" ก่อนได้รับแต่งตั้งและเข้ารับตำแหน่ง"ปลัดมหาดไทย" คนที่ 39 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เริ่มชีวิตราชการจากการเป็นปลัดอำเภอดงหลวง จ.มุกดาหาร จนได้เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอแม่เปิน จ.นครสวรรค์ ในปี 2539 ก่อนจะโอนย้ายไปเป็น รพช.จังหวัดสิงห์บุรี และจ.นครสวรรค์ ในปี 2544-2545 สังกัดสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท ซึ่งเปลี่ยนเป็นกรมเร่งรัดพัฒนาชนบทในเวลาต่อมา
เมื่อมีการปรับปรุงกระทรวงทบวงกรมฯเมื่อปี 2545 "บิ๊กฉิ่ง" จึงโยกตัวเองมาอยู่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ซึ่งเป็นกรมที่ตั้งขึ้นใหม่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ในตำแหน่ง ผู้อำนวยกสนกองการเจ้าหน้าที่ ปภ.เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2546 ก่อนเลื่อนเป็นผู้อำนวยการสำนักฯ และรองอธิบดีกรม ปภ.ในเดือนธันวาคม 2548 ตามลำดับ
กระทั่ง วันที่ 1 ตุลาคม 2552 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี มีผลงานที่รู้คือ เมื่อครั้งน้ำท่วมปี 2554 ประตูระบายน้ำบางโฉมศรีแตกไหลทะลักเข้ามารอบนอกของ จ.ลพบุรี "บิ๊กฉิ่ง"คนนี้แหละ ที่ร่วมกันแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของประชาชน จากอุทกภัยน้ำท่วม ด้วยการการแก้ไข ปัญหาทำให้น้ำไม่ท่วมขังเข้าตัวเมือง
หากถามคนใน จ.ลพบุรี จะรู้ดีว่า ทุกๆ วัน จะเห็นหน้านายฉัตรชัย จะออกมาลุยน้ำช่วยเหลือประชาชน จนผลงานเข้าตารัฐบาล จึงได้ขยับขึ้นเป็นอธิบดี ปภ. เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2555 สร้างผลงาน ด้านแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัย สร้างระบบป้องกัน เตือนภัย ฟื้นฟูหลังเกิดภัย และการติดตามประเมินผล เพื่อให้หลักประกันในด้านความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งยังคงใช้เป็นแนวทางการแก้ปัญหาน้ำท่วมจวบจนปัจจุบัน ก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดมหาดไทย
นับเป็นอธิบดี ปภ.คนที่สองที่ข้ามขึ้นมานั่งปลัด มท. ต่อจาก นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดี ปภ. พลิกโฉมของการเป็นปลัด มท. ที่ไม่จำเป็นต้องผ่านงานตำแหน่งในสายงานนักปกครอง อย่าง นายอำเภอ หรือ ปลัดจังหวัด หรือรองผู้ว่าฯ มาก่อนก็ได้ ส่งผลให้ในวันที่ 30 กันยายนนี้ "บิ๊กฉิ่ง" จะครบเกษียณอายุการดำรงตำแหน่ง ครบ 4 ปีเต็ม อย่างเข้มแข็งและสง่างาม
ด้วยความมุ่งมั่น วิริยะอุตสาหะ ของปลัดฉัตรชัย ในการปฏิบัติหน้าที่ เปรียบประดุจพ่อบ้านของ มท. ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเป็นกลไก ร่วมมือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งในเรื่องความเป็นอยู่การทำมาหากิน ตลอดจนถึงความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน อันเกิดจากภัยพิบัติตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ดำรงตำแหน่งปลัด มท. อย่างเข็มแข็ง และสง่างาม รวมทั้งภารกิจสำคัญต่างๆ ที่ ปลัดฉัตรชัย ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบ
โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ที่มีกระทรวงมหาดไทยเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
และด้วยผลงานที่ได้สร้างไว้ จนเป็นที่รู้กันว่า ปลัดฉัตรชัย นั้น เป็นนักปกครอง มีความรู้ ความสามารถ มากมายด้วยน้ำใจ มีบุคลิกโอบอ้อมอารี มีมนุษย์สัมพันธ์ และอัธยาศัยที่ดีงาม มีประสบการณ์ เพียบพร้อมด้วยความเป็นผู้นำ และผู้ประสานงานกับทุกฝ่าย เพื่อแก้ไขปัญหา ในสถานการณ์บ้านเมือง ที่ต้องการสร้างความปรองดอง อย่างกลมเกลียวและมีประสิทธิภาพ
ต้องติดตามดูว่า นับตั้งแต่ 30 กันยาบย 2564 เป็นต้นไป "บิ๊กฉิ่ง" นายฉัตรชัย พรหมเลิศ" จะเลือกใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุราชการด้วยการอยู่บ้านอย่างสงบเรียบง่าย หรือจะเลือกเดินอีกเส้นทางหนึ่ง เข้าสู่ถนนการเมือง ด้วยการนำประสบการณ์ของนักปกครองที่สร้างผลงานตลอดระยะเวลาที่รับราชการในกระทรวงมหาดไทย จนครบอายุราชการอย่างสง่างาม เพื่อมาสร้างคุณประโยชน์ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ประเทศชาติ และประชาชน บนถนนการเมืองหรือไม่