จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มีความรุนแรงขึ้น ซึ่งในปัจจุบันผู้สูงอายุ ถือเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย และมีโอกาสสูงที่อาการจะรุนแรงอย่างรวดเร็ว โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่มียอดยืนยันสะสม และยอดผู้เสียชีวิตที่เป็นผู้สูงอายุเป็นจำนวนมาก ดังนั้นทาง กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. มีความห่วงใย และให้การประสานงานติดตามการดูแลช่วยเหลือ ผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กล่าวว่า ได้ดำเนินโครงการโทรหาเพราะห่วงใย โดยโทรศัพท์ ติดต่อไปยัง ผู้สูงอายุซึ่งเคยประสบปัญหา และได้ขอรับการดูแลจากกรม เพื่อติดตามผลกระทบ จากโควิด-19 พร้อมส่งความห่วงใย กำลังใจ และร่วมหาทางช่วยเหลือกรณีประสบปัญหา ซึ่งสามารถ ติดต่อ สร้างกำลังใจ และให้การติดตามช่วยเหลือ ได้มากกว่า 4,000 ราย นอกจากนี้ยังได้ โทรหา เพราะห่วงใย ไปยัง สถานดูแลผู้สูงอายุต่างๆ เพื่อประสานข้อมูลการดูแลผู้สูงอายุภายในสถานดูแล และ ติดตามข่วยเหลือ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน จากสถานการณ์โควิด-19 เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
อีกทั้ง นางสุจิตรา ยังกล่าวต่อว่า ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงมีความต่อเนื่อง ดังนั้นผู้สูงอายุ จึงเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม รวดเร็ว ถึงแม้ทุกภาคส่วนได้ให้ความสำคัญ แต่ผู้สูงอายุถือเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเข้มข้น โดยมีการประสานงานไปทุกจังหวัด และ ประธานสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อประสานไปยังสาขาสภาฯ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ส่งผ่านความห่วงใย กำลังใจ และข้อมูลการปฏิบัติที่เป็นประโยชน์ ในการดูแลผู้สูงอายุ
พร้อมกันนี้ยังได้กำชับ หน่วยงานในสังกัดคือ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ 12 แห่ง ในการดูแลผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิดและเตรียมแผนรับมือในกรณีฉุกเฉิน โดยให้เตรียมการ และทบทวนแผนเผชิญเหตุให้มีความพร้อม ทั้งด้านบุคลากร ทรัพยากร และเครือข่าย ในพื้นที่ โดยการให้ความรู้ในการดูแลและป้องกันตนเอง มาตราการเยียวยาต่างๆ รวมถึงการเข้าถึงวัคซีน การเตรียมความพร้อมในการจัดการดูแลแบบ Home Isolation (HI) และ Community Isolation (CI) ในกรณีเผชิญเหตุฉุกเฉิน และการประสานเครือข่าย / สถานพยาบาลกรณีจำเป็นต้องทำการรักษาเพื่อให้ผู้สูงอายุมีความปลอดภัยสูงสุด
ทั้งนี้ นางสุจิตรา พิทยานรเศรษฐ์ อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ กล่าวว่า ได้ดำเนินโครงการโทรหาเพราะห่วงใย โดยโทรศัพท์ ติดต่อไปยัง ผู้สูงอายุซึ่งเคยประสบปัญหา และได้ขอรับการดูแลจากกรม เพื่อติดตามผลกระทบ จากโควิด-19 พร้อมส่งความห่วงใย กำลังใจ และร่วมหาทางช่วยเหลือกรณีประสบปัญหา ซึ่งสามารถ ติดต่อ สร้างกำลังใจ และให้การติดตามช่วยเหลือ ได้มากกว่า 4,000 ราย นอกจากนี้ยังได้ โทรหา เพราะห่วงใย ไปยัง สถานดูแลผู้สูงอายุต่างๆ เพื่อประสานข้อมูลการดูแลผู้สูงอายุภายในสถานดูแล และ ติดตามข่วยเหลือ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน จากสถานการณ์โควิด-19 เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
อีกทั้ง นางสุจิตรา ยังกล่าวต่อว่า ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงมีความต่อเนื่อง ดังนั้นผู้สูงอายุ จึงเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม รวดเร็ว ถึงแม้ทุกภาคส่วนได้ให้ความสำคัญ แต่ผู้สูงอายุถือเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเข้มข้น โดยมีการประสานงานไปทุกจังหวัด และ ประธานสมาคมสภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อประสานไปยังสาขาสภาฯ ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ส่งผ่านความห่วงใย กำลังใจ และข้อมูลการปฏิบัติที่เป็นประโยชน์ ในการดูแลผู้สูงอายุ
พร้อมกันนี้ยังได้กำชับ หน่วยงานในสังกัดคือ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ 12 แห่ง ในการดูแลผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิดและเตรียมแผนรับมือในกรณีฉุกเฉิน โดยให้เตรียมการ และทบทวนแผนเผชิญเหตุให้มีความพร้อม ทั้งด้านบุคลากร ทรัพยากร และเครือข่าย ในพื้นที่ โดยการให้ความรู้ในการดูแลและป้องกันตนเอง มาตราการเยียวยาต่างๆ รวมถึงการเข้าถึงวัคซีน การเตรียมความพร้อมในการจัดการดูแลแบบ Home Isolation (HI) และ Community Isolation (CI) ในกรณีเผชิญเหตุฉุกเฉิน และการประสานเครือข่าย / สถานพยาบาลกรณีจำเป็นต้องทำการรักษาเพื่อให้ผู้สูงอายุมีความปลอดภัยสูงสุด