กลายเป็นประเทศแห่งสายด่วนกันไปแล้วกับเรื่องของสายด่วน หรือเบอร์ฉุกเฉินของหลากหน่วยงานที่ผุดกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ที่ต่างอ้างภารกิจที่ล้วนมีความสำคัญและจำเป็น โดยเฉพาะสายด่วนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ไม่รู้มีอยู่กี่สิบเบอร์ กี่หน่วยงานกันแน่ เพราะผุดกันมาเต็มพรึดหน้าจอมือถือ หรือสมาร์ทโฟน
ยอดผู้ป่วยติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นรายวันเป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นว่า ที่ผ่านมารัฐบาลบริหารงานผิดพลาดไปแล้ว จำเป็นต้องยกเครื่องและปรับกระบวนการรับมือวิกฤตโควิดกันเสียใหม่ ขั้นตอนอะไรที่เป็นอุปสรรค ติดขัดที่ระเบียบกฎเกณฑ์ ต้องประสานหน่วยงานนั้นก่อน ไม่ต้องปล่อยให้ประชาชนโทรหาสายด่วนสารพัดสาย เที่ยวโพสต์วอนจิตอาสาไปทั่วสิบทิศแบบนี้ เห็นทีประเทศจะหนีวิกฤติครั้งนี้ไปไม่พ้น
ย้อนกลับมาที่เรื่องของบรรดาสายด่วน หรือเบอร์ฉุกเฉินที่แต่ละหน่วยงานผุดกันออกมาเป็นดอกเห็ด เอาเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการรับมือการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็มีมากกว่า 9-10 เลขหมายเข้าไปแล้ว ไล่ดะมาตั้งแต่ สายด่วน 1330 สายด่วนโควิด 1668 สายด่วนสุขภาพจิต 1323 สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ศูนย์เอราวัณ 1646 สายด่วน 1669 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สายด่วน 1506 ประกันสังคม สายด่วน 1111 สำนักนายกฯ ยังไม่รวม สายด่วน ศปม.191 สายด่วน 1599 และสายด่วน 1138 นี่ยังไม่รวมบรรดาเพจ FB หรือไลน์อีกสารพัดชื่อ จนทำเอาประชาชนคนไทยสับสน งงงวยกันไปแปดตลบ หากติดเชื้อหรือสงสัยว่าตัวเองจะติดเชื้อขึ้นมาจะต้องโทรหาหน่วยไหนกันดี
ทั้งที่จะว่าไป กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส น่าจะเป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการจัดตั้งศูนย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หรือกำหนดเลขหมายฉุกเฉินแห่งชาติที่รวมเอาทุกศูนย์ ทุกเบอร์มาอยู่ที่ศูนย์นี้ โดยไม่ต้องแยกแยะเพื่อรวบรวมข้อมูล Data ต่างๆ มายัง ศบค.โดยตรง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน จนเกิดความซ้ำซ้อน หรือทับซ้อนในการทำงานและสั่งการจนกลายเป็นการโยนกลองกันอย่างที่เป็นอยู่
ถึงเวลาที่รัฐต้องลดเลิกทิฐิ และถึงเวลาที่กระทรวงดีอีเอสต้องหวนกลับมาตระหนักในบทบาทของตนเองอย่างแท้จริง เอาเวลากลับมาสังคายนา สายด่วนสารพัดสายด่วนและเบอร์ฉุกเฉินเหล่านี้ให้มันสะเด็ดน้ำเสียที จะได้ไม่สร้างความสับสนให้กับประชาชนอย่างที่เป็นอยู่ ดีกว่าที่รัฐจะมุ่งไล่จับตั๊กแตน มุ่งไล่ปราบ Fake News จนลืมบทบาทที่แท้จริงของหน่วยงาน