กระแสเรียกร้องให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ลาออกจากนายกฯ ดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มคนที่เคยสนับสนุนอย่าง นิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา คำถามที่ตามมาพร้อมๆ กับเสียงขับไล่ ....แล้วใครหละ?? จะมาเป็น “นายกฯ แทนลุงตู่” หันซ้าย แลขวา ยังไม่มีใครตอบได้ชัด!! ยิ่งกางกติกาดูแล้ว บอกได้คำเดียวว่า “ยาก” ที่ทหารจะสั่งการให้ ส.ส.ในสังกัด - ส.ว.ในคาถา ยกมือให้กับ 5 แคนดิเดต ในบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอไว้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อนุทิน ชาญวีรกูล สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชัยเกษม นิติสิริ ยิ่งลองเลื่อนไปที่ก๊อกสอง “นายกฯ คนนอก” ตามบทเฉพาะกาลที่รัฐธรรมนูญเปิดทางไว้ ยิ่งนึกไม่ออกว่า สมาชิกรัฐสภา จำนวน 2 ใน 3 หรือ ส.ส.-ส.ว. 500 คน จะคล้อยตามกันเทคะแนนให้คนนอกได้อย่างไร เพราะกติกาที่ “ซือแป๋มีชัย” เขียนไว้ ล็อกให้ทหารถือไพ่เหนือกว่า งานนี้เลยต้องหันไปใช้บริการ “นิด้าโพล” สำรวจคะแนนนิยมบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกฯ พบว่า ความนิยมในตัว “พล.อ.ประยุทธ์” ดิ่งลงเรื่อยๆ จาก ธ.ค.63 อยู่ที่ 30.32% ลดลงเหลือ 28.79% ใน มี.ค. 64 ล่าสุด มิ.ย. 64 เหลือ 19.32% เช่นเดียวกับ “บิ๊กเนม” หลายคนที่คะแนนนิยมลดลง แต่ที่น่าสนใจ คือ สถิติของ “กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรคกล้า พรรคการเมืองน้องใหม่ กลับไต่ระดับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นเท่าตัว จาก ธ.ค. 63 อยู่ที่ 1.65 % ล่าสุด มิ.ย.64 พุ่งขึ้นมาที่ 3.62 % สะท้อนให้เห็นว่า ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจอย่างนี้ ประชาชนห่วงเรื่องปากท้องที่สุด จึงเรียกร้องหา “ตัวเลือก” ที่เป็นความหวังให้กับพวกเขาได้ ด้วยภาพลักษณ์ของ “กรณ์” เป็นคนหนุ่มไฟแรง มีวิสัยทัศน์ มีความเป็นผู้นำ มีความเชี่ยวชาญด้านการเงินการคลัง ที่สำคัญมีประสบการณ์นำพาเศรษฐกิจไทยฝ่าวิกฤตการเงินโลกมาแล้ว! จึงไม่แปลกที่ในวันนี้ ชื่อของ “กรณ์ จาติกวณิช” จะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นตัวเลือกในการ “กอบกู้วิกฤตชาติ”