“เทคโนเมดิคัล” (TM) เดินหน้าช่วยเหลือสังคม สนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับเป็นสื่อในการเรียนการสอน ให้กับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการสร้างนักเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอกที่มีความเชี่ยวชาญ
น.ส.ปรางฉาย จรรโลงบุตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือ TM เปิดเผยว่า บริษัทได้สนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้แก่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อเป็นสื่อในการเรียนการสอน โดยเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่บริษัทได้สนับสนุนดังกล่าว ได้แก่ อุปกรณ์สำหรับการผ่าตัดหัวใจ เนื่องจากทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ มีวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เปิดสอนหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก (หลักสูตรนานาชาติ) ดังนั้น ทางบริษัทจึงต้องการสนับสนุนการเรียนการสอน สำหรับการเพิ่มนักเทคโนโลยีหัวใจที่มีประสิทธิภาพ และมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการรักษาโรคหัวใจและทรวงอกให้มีจำนวนมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคหัวใจ ที่มีอัตราการเสียชีวิตที่สูงขึ้นเป็นอันดับต้นๆของประเทศไทย
“บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือสังคมในรูปแบบต่าง ๆ และให้การสนับสนุนเครื่องมือแพทย์อย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการลดจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิต การสนับสนุนดังกล่าวถือเป็นการเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ให้มีความรู้และความเชี่ยวชาญ รวมทั้งให้คุ้นเคยกับเครื่องมือที่ทันสมัยในระหว่างการศึกษา เพื่อให้มีประสิทธิภาพและความพร้อมก่อนที่จะเจอสถานการณ์จริงในการปฏิบัติงานรักษาผู้ป่วย”
ขณะที่ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ อดิศว์ ทัศณรงค์ คณบดี วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางวิทยาลัยต้องขอขอบคุณ บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) ที่เข้ามาช่วยเหลือ และมอบอุปกรณ์สนับสนุนการเรียนการสอน ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากนักศึกษาในหลักสูตรนี้จะได้มีความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือ และมีความพร้อมในการรักษา รวมทั้งจะทำให้นักศึกษามีความชำนาญ ทั้งด้านการวินิจฉัยอาการของผู้ป่วย และการใช้เครื่องมือสำหรับปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาผู้ป่วย
ทั้งนี้นอกจากการสนับสนุนด้านอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์แล้ว บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน)ยังให้การสนับสนุนและช่วยเหลือตั้งแต่การออกแบบห้องฝึกปฏิบัติการ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเปิดหลักสูตรเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก (หลักสูตรนานาชาติ) ได้เริ่มต้นและดำเนินการเรียนการสอน ณ วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในทุกวันนี้
“ประกอบกับจำนวนผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคหัวใจมีเพิ่มขึ้นทุกปีและมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับสูง เราจึงมีความจำเป็นต้องผลิตนักเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอกที่มีความเชี่ยวชาญให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น และการที่บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) เข้ามาให้การสนับสนุนถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยส่งเสริมให้บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยฯ มีทักษะสามารถในการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างเชี่ยวชาญ เมื่อต้องปฏิบัติงานเพื่อรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์จริง ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและช่วยลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเสียชีวิตลงได้”
ขณะที่ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์ อดิศว์ ทัศณรงค์ คณบดี วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางวิทยาลัยต้องขอขอบคุณ บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) ที่เข้ามาช่วยเหลือ และมอบอุปกรณ์สนับสนุนการเรียนการสอน ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากนักศึกษาในหลักสูตรนี้จะได้มีความเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือ และมีความพร้อมในการรักษา รวมทั้งจะทำให้นักศึกษามีความชำนาญ ทั้งด้านการวินิจฉัยอาการของผู้ป่วย และการใช้เครื่องมือสำหรับปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาผู้ป่วย
ทั้งนี้นอกจากการสนับสนุนด้านอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์แล้ว บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน)ยังให้การสนับสนุนและช่วยเหลือตั้งแต่การออกแบบห้องฝึกปฏิบัติการ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเปิดหลักสูตรเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก (หลักสูตรนานาชาติ) ได้เริ่มต้นและดำเนินการเรียนการสอน ณ วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในทุกวันนี้
“ประกอบกับจำนวนผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคหัวใจมีเพิ่มขึ้นทุกปีและมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับสูง เราจึงมีความจำเป็นต้องผลิตนักเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอกที่มีความเชี่ยวชาญให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น และการที่บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) เข้ามาให้การสนับสนุนถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ช่วยส่งเสริมให้บัณฑิตผู้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยฯ มีทักษะสามารถในการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างเชี่ยวชาญ เมื่อต้องปฏิบัติงานเพื่อรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์จริง ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาและช่วยลดจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเสียชีวิตลงได้”