บก.สส.สตม.เอาจริง!! จับกุมขบวนการช่วยเหลือซ่อนเร้นนำพาแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา และบุกลุยกลางป่าไล่ล่ากลางเมืองสกัดต่างด้าวแพร์โควิด จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดซึ่งพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. โดยพล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ระดมกวาดล้างคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายขบวนการขนคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตลอดจนการขนแรงงานต่างด้าวเข้า-ออกพื้นที่จังหวัดที่มีคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ภายใต้การอำนวยการของพล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รองผบช.สตม.,พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รองผบช.สตม.,พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รองผบช.สตม.,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองผบช.สตม.,พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รองผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รองผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.อภิมุข กาตยากร รองผบก.สส.สตม.,ว่าที่พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.กก.ปอพ.บก.สส.สตม.,พ.ต.ท.ชินกร อัศวภูมิ รองผกก.กก.ปอพ.บก.สส.สตม. นำโดยว่าที่พ.ต.ต.หญิงกัลย์สุดา จุลประเสริฐ สว.กก.ปอพ.บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้ร่วมกันจับกุม 1.นายสุวัดชัยเกษหอมอายุ 46 ปีสัญชาติไทย 2.นายเฉลิมชาติกุลอาษาอายุ 60 ปีสัญชาติไทย 3.MS.YA SEAN (น.ส.ยาเซียน) อายุ 30 ปีสัญชาติกัมพูชา 4.MRS.KORN SEN (นางคอนเซน) อายุ 47 ปีสัญชาติกัมพูชา 5.MS.CHANTEY OEM (น.ส.จันตรีอิม) อายุ 30 ปีสัญชาติกัมพูชา 6.MS.SOVIET PHLUNG (น.ส.โซเวียตพลุง) อายุ 26 ปีสัญชาติกัมพูชา 7.MR.MICH TIK (นายมิกติก) อายุ 35 ปีสัญชาติกัมพูชา 8.MR.UN KORIL (นายวันโคน) อายุ 34 ปีสัญชาติกัมพูชา และ9.นางยังฮุนอายุ 35 ปีสัญชาติกัมพูชา พร้อมด้วยของกลาง 1.รถตู้ยี่ห้อโตโยต้าหมายเลขทะเบียน 34-0968 กรุงเทพมหานคร (ป้ายเหลือง) สีขาวจำนวน 13 ที่นั่ง โดยกล่าวหา ผู้ถูกจับกุมที่ 1 และ 2 ฐานเป็นตัวการร่วมตามป.อาญา ม.83 ตามพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ม.64 ว่า “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์เรื่องห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563" ผู้ถูกจับกุมที่ 3-7 ว่า “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์เรื่องห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563 ผู้ถูกจับกุมที่ 8 ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.63 ตามข้อ 5” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์เรื่องห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563 ผู้ถูกจับกุมที่ 9 ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ “ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัดสุรินทร์เรื่องห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้ามาในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ที่ 1289/2563 ตามมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2563” เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีขบวนการลักลอบนำพาช่วยเหลือซ่อนเร้นตระเวนรับบุคคลต่างด้าวสัญชาติกัมพูชามาจากพื้นที่โซนภาคตะวันออกระยองชลบุรีและกรุงเทพฯเพื่อจะนำหลบหนีออกไปยังประเทศกัมพูชาผ่านทางช่องทางธรรมชาติอ. กาบเชิงจว. สุรินทร์โดยใช้รถตู้โดยสารหมายเลขทะเบียน 34-0968 กรุงเทพมหานคร (ป้ายเหลือง) ใช้เส้นทางถนนทางหลวงหมายเลข 2 และ 24 ผ่านพื้นที่จ.นครราชสีมา,จ.บุรีรัมย์,จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการควบคุมและเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.ปอพ.บก.สส.สตม. จึงได้ติดตามวางกำลังดักซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ตลอดเส้นทางจนพิสูจน์ทราบได้ว่ามีแรงงานต่างด้าวอยู่บนรถตู้ต้องสงสัยคันดังกล่าวจริงเมื่อถึงบริเวณสถานที่จับกุมบริเวณหน้าสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส SUSCO ถนนโชคชัย-เดชอุดม ต.กังแอน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ใช้รถยนต์ตรวจการร์อัจฉริยะ สตม. แสดงตัวให้สัญญาณเพื่อหยุดรถคันดังกล่าวและทำการแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อทำการตรวจสอบจากการตรวจสอบคนขับพบว่ามีนายเฉลิมชาติกุลอาษาหรือผู้ถูกจับกุมที่ 2 เป็นผู้ขับรถตู้และพบแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาอีก 7 คนนั่งอยู่ในรถโดยนายเฉลิมชาติฯ ยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างมาจากนายสุวัดชัยเกษหอมให้ตระเวนรับบุคคลต่างบุคสัญชาติกัมพูชาทั้ง 7 คนมาจากจ.ชลบุรี และกรุงเทพฯ เพื่อมาส่งต่อที่แถวบริเวณ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.ปอพ.บก.สส.สตม. จึงได้สืบสวนขยายผลต่อไปจนกระทั่งจับกุมตัวนายสุวัตชัยเกษหอม (ผู้ถูกจับกุมที่ 1) ได้ ณ จุดรับเงินบริเวณปั้มพีทีสาขาปราสาท 5 จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.ปอพ.บก.สส.สตม. จึงได้นำตัวผู้ตองหาทั้งหมดนำส่งพงส.สภ.ปราสาท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบกวดขันและปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆรวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกระทำผิดกฎหมายก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติหากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิดกรุณาแจ้งมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเลขที่ 507 ซ. สวนพลูแขวงทุ่งมหาเมฆเขตสาทรกรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ WWW.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการเข้มงวดปราบปรามจับกุมขบวนการลักลอบนำพาแรงงานต่างด้าวและต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองเพื่อเป็นการสกัดกั้นการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยพล.ต.อ.สุวัฒนแจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิกิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการอย่างจริงจัง ได้ร่วมแถลงข่าวจับกุมขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าว ดังนี้ กก. 2 บก.สส.สตม. บุกป่าชายแดนจับกุมแรงงานกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองและจับขบวนการนำพาแรงงานเมียนมาร์สมุทรสาคร ตามสั่งการพล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. ให้มีการเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้มีการลักลอบเข้าไทยโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรคยังคงเป็นภารกิจสำคัญที่ สตม. ดำรงความเข้มงวดด้วยมาตรการเฝ้าตรวจพื้นที่ตลอด 24 ชม. จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายรวมถึงผู้นำพาทั้งชาวไทยและต่างด้าวพล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม.,พ.ต อ.สถิตย์ พรมอุทัย รองผบก.สส.สตม. และพ.ต.อ.อาภากร โกมลสุทธิ รองผบก.สส.สตม. จึงสั่งการให้กก. 2 บก.สส.สตม. สืบสวนจับกุมแรงงานต่างด้าวและขบวการนำพาโดยเร่งด่วน พ.ต.อ.ปฏิญญา จีรชนาสิน ผกก. 2 บก.สส.สตม. จึงได้ให้ จนท.สืบสวนหาข่าวจนทราบว่ามีแรงงานกัมพูชาใช้วิธีการเดินเท้าจากฝั่งกัมพูชาลักลอบเข้าประเทศไทยและหลบซ่อนตามป่าแนวตะเข็บชายแดนบริเวณหมู่บ้านหนองมั่ง ต.หนองแวง อ.โคกสูง จ.สระแก้วเพื่อรอการลำเลียงเข้าสู่เมืองชั้นในวันที่ 13 มิถุนายน 2564 จึงได้วางกำลังเพื่อจับกุมจนกระทั่งเวลาประมาณ 05.00 น. จนท. ตรวจพบแรงงานกัมพูชาจำนวน 4 คนหลบซ่อนอยู่ในป่าจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมแรงงานต่างด้าวให้การว่ามีนายหน้าชาวกัมพูชาเป็นคนนำทางโดยเดินเท้าประมาณ 10 กม. มายังจุดหลบซ่อนเสียค่าใช้จ่ายคนละ 500 บาทเพื่อรอการเคลื่อนย้ายเข้าไปทำงานที่จ.ระยอง ปทุมธานี และสมุทรปราการ หากไปถึงปลายทางในเมืองชั้นในได้ต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละ 15,000-20,000 บาท จนท. จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาส่งสภ. โคกสูงดำเนินคดี อีกคดี 15 มิถุนายน 2564 จนท.กก. 5 บก. สตม. ได้สืบทราบว่ามีขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวเมียนมาร์โดยใช้รถยนต์บรรทุกแรงงานเมียนมาร์จากชายแดนฝั่งตรงข้าม จ.ประจวบคีรีขันธ์ลักลอบเข้ามาทำงานในพื้นที่จ. สมุทรสาครโดยจะนำแรงงานต่างด้าวมาซุกซ่อนพักไว้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งจึงได้วางแผนเข้าจับกุมโดย จนท. กระจายกำลังตามเส้นทางที่รถบรรทุกแรงงานวิ่งผ่านจนกระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น. รถบรรทุกยี่ห้อโตโยต้าสีขาวทะเบียบนฒม 4631 กทม. ได้วิ่งผ่านถนนเศรษฐกิจสภาพมีผ้าตาข่ายสีเขียวคลุมกระบะมีพิรุธต้องสงสัย จนท. จึงได้ขับรถไล่ตามอย่างกระชั้นชิดและหยุดรถต้องสงสัยคันดังกล่าวได้จากการตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวเมียนมาร์จำนวน 30 คนคนขับรถเป็นชาวเมียนมาร์อีก 1 คนแรงงานเมียนมาร์ให้การว่าลักลอบเข้าประเทศไทยบริเวณชายแดนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เสียค่าใช้จ่ายให้นายหน้าชาวเมียนมาร์ 5,000-20,000 แล้วแต่ระยะทาง คนขับรถคือนายจอในให้การว่าได้เงินค่านำพาแรงงานเข้ามาที่สมุทรสาครหัวละ 5,000 บาท โดยจะขับรถไปรับบริเวณสี่แยกไฟแดงจุดนัดพบโดยจะมีนายหน้าเมียนมาร์และนายหน้าชาวไทยนำพาแรงงานต่างด้าวทั้งหมดมาส่งให้ที่สี่แยกไฟแดงดังกล่าว จนท. จึงได้แจ้งข้อกล่าวหานำตัวส่งพนักงานสอบสวนบก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีนโยบายในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมในทุกรูปแบบฐานความผิดอย่างจริงจังและฝากประชาสัมพันธ์ไปยังเจ้าของสถานที่พักอาศัยหรือประชาชนทั่วไปหากพบบุคคลต่างชาติที่มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสมในลักษณะต่างๆหรือคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโทร 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่าง