วันที่ 22 พ.ค.64 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีสื่อสังคมออนไลน์มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการจับกุมผู้ต้องหาที่ล่อลวงเหยื่อผ่านแอปพลิเคชั่นหาคู่ว่า ปัจจุบัน เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีบทบาทช่วยให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน การเงิน รวมไปถึงเรื่องความรักก็เช่นกัน ในทุกวันนี้ที่ทุกคนต่างใช้ชีวิตกันอย่างเร่งรีบ ทำให้ไม่มีเวลาที่จะออกไปพบเจอหรือเรียนรู้ผู้คนใหม่ๆ จึงมีผู้คิดค้นแอปพลิเคชันหาคู่ออนไลน์ และมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งแอปพลิเคชั่นหาคู่ที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมใช้กัน ได้แก่ Tinder ,Omi ,Bumble เป็นต้น แอปพลิเคชั่น เหล่านี้จะช่วยจับคู่หนุ่มสาวที่มีความชอบคล้ายๆ กันให้ได้พูดคุยกันมากยิ่งขึ้น และทำได้ง่ายเพียงผ่านระบบมือถือ หรือคอมพิวเตอร์ แต่เหรียญก็มักจะมีทั้ง 2 ด้านเสมอ แม้จะช่วยให้การหาคู่ง่ายขึ่น แต่ก็ทำให้กลุ่มมิจฉาชีพใช้โอกาสจากช่องทางนี้ในการหลอกล่อเหยื่อเช่นกัน ซึ่งช่วงที่ผ่านมาได้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวขึ้นหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เหยื่อเป็นเด็กและเยาวชน ที่ยังคงพบเห็นได้ตามข่าวที่ปรากฎบนสื่อสังคมออนไลน์และสื่ออื่นๆ หากในอนาคตรูปแบบการกระทำความผิดในลักษณะนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ อาจจะพัฒนาจนเกิดเป็นการค้ามนุษย์ซึ่งจะมีผู้เสียหายเป็นวงกว้างมากขึ้นก็เป็นได้
อย่างเช่นกรณีการจับกุมลักษณะดังกล่าวที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งมีอาชีพเซลส์แมนหรือพนักงานขายของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ ที่ก่อเหตุล่อลวงเหยื่อสาวอายุไม่เกิน 25 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ หลายจังหวัด โดยใช้แอปพลิเคชันหาคู่ มาก่อเหตุข่มขืน และอีกกรณีเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครชัยศรี จว.นครปฐม ได้เข้าจับกุม ผู้ต้องหา ก่อเหตุใช้แอพพลิเคชันลวงเด็กอายุ 13ปี เข้าโรงแรมและได้มีการกระทำชำเราเกิดขึ้น ซึ่งทั้งสองกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา ก่อนจะนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ส่วนรูปแบบการกระทำของเหล่ามิจฉาชีพมักจะใช้วิธีเลือกและติดต่อเหยื่อผ่านแอปพลิเคชั่นหาคู่ต่างๆ แชตพูดคุยจนเหยื่อเชื่อสนิทใจตกลงคบหากัน ก่อนพูดจาหว่านล้อม เมื่อหญิงสาวเริ่มไว้ใจมากขึ้นก็ออกอุบายชักชวนให้ไปที่ห้องพัก แล้วอาจแอบถ่ายคลิปเก็บไว้แบล็กเมล์ภายหลัง เพื่อใช้เป็นข้อต่อรองบังคับให้ผู้เสียหายยอมมาร่วมหลับนอนทุกครั้งที่ตัวเองต้องการ หรือใช้สำหรับข่มขู่รีดเอาทรัพย์สิน หากไม่ยอมทำตามจะข่มขู่นำภาพและคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์ไปเผยแพร่ในโลกโซเชียล ซึ่งการกระทำของผู้ต้องหานอกจากจะเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แล้ว การที่มาข่มขู่ซ้ำนั้นเป็นการกระทำที่รับไม่ได้ และยิ่งเป็นตอกย้ำทางจิตใจที่รุนแรงกับผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออีกด้วย
ฝากเตือนภัยและประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันหลีกเลี่ยงการถูกล่อลวงผ่านแอปพลิเคชั่นหาคู่ที่กล่าวมา ดังนี้
1. ควรตรวจสอบข้อมูล ก่อนที่จะเริ่มคุยกับใคร หรือมีใครที่มาคุยกับเรา
2. ควรระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ไม่บอกข้อมูลทั้งหมดกับคนที่เพิ่งรู้จัก เมื่อใช้บริการแอปพลิเคชั่นหาคู่ออนไลน์ต่างๆ
3.ไม่ควรหลงเชื่อ หรือไว้ใจบุคคลใดง่ายๆ หากมีความจำเป็นต้องนัดเจอควรมีเพื่อนหรือผู้ปกครองไปด้วย เพื่อความปลอดภัย
4. ผู้ปกครองควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้ใช้สื่อสังคมออนไลน์หรือโทรศัพท์มือถือเพียงลำพัง, ควรพูดคุยทำความเข้าใจถึงขอบเขตการใช้งานว่าแอปพลิเคชั่นไหนใช้ได้บ้างหรือแอพพลิเคชั่นใดควรหลีกเลี่ยง, หมั่นเช็คประวัติการใช้งานอินเตอร์เน็ตหรือแอปพลิเคชั่นของบุตรหลานว่ามีการใช้งานที่ไม่เหมาะสมหรือมีการพูดคุยกับคนแปลกหน้าหรือไม่
5.พึงระลึกไว้เสมอว่า อะไรที่ดีเกินไป เร็วเกินไป มักจะลงเอยไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นโดยง่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์และขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์ให้ระมัดระวังในเรื่องการมีความสัมพันธ์ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์หรือ Chat Application ในรูปแบบต่างๆ
6.หากท่านตกเป็นเหยื่อแล้ว ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รีบดำเนินการติดจามจับกุมผู้ต้องหา และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ต้องหาไปกระทำความผิดกับใครอีก นอกจากนี้หากพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิดที่เด็กหรือสตรีตกเป็นเหยื่อ สามารถแจ้งไปยัง กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี โทร. 02-282-3892 หรือ Call Center สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง