นายอาคิฮิสะ โยโคยามา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด ผู้นำนวัตกรรมด้านระบบปรับอากาศระดับโลก กล่าวว่า กลยุทธ์ของไดกิ้นมุ่งให้ความสำคัญในการคิดค้นและพัฒนาระบบปรับอากาศ โดยมีเป้าหมายปรับทุกอากาศให้สมบูรณ์แบบ เพื่อมอบอากาศที่ดีและบริสุทธิ์ให้แก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ด้านสุขภาพ เพื่อตอบรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคต้องใช้ชีวิตแบบ New Normal และมองหาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ด้านสุขภาพมากขึ้น ในปัจจุบันไดกิ้น มีเทคโนโลยีที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าว คือเทคโนโลยีสตรีมเมอร์ ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของไดกิ้น ที่ได้รับการยืนยันประสิทธิภาพ ว่า สามารถยับยั้งไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ได้ โดยได้รับการทดสอบจากมหาวิทยาลัยโตเกียว และมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์โอคายาม่า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งการทดสอบดังกล่าว ได้ทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้วยการปล่อยประจุสตรีมเมอร์เป็นเวลา 3 ชั่วโมง พบว่าสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ และเชื้อไวรัสตับอักเสบจากหนู ได้ถึง 99.9% และเมื่อปล่อยประจุสตรีมเมอร์ 1 ชั่วโมง สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ได้ถึง 93.6% และ เชื้อไวรัสตับอักเสบจากหนู ได้ถึง 91.8% โดยผลลัพธ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในห้องทดลองที่ใช้อุปกรณ์ปล่อยประจุสตรีมเมอร์ แต่ไม่ได้บ่งชี้ถึงประสิทธิภาพของสตรีมเมอร์ ที่จะมีผลต่อการใช้งานในผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีสตรีมเมอร์เมื่อใช้งานภายใต้สภาพแวดล้อมจริง ดังนั้นเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภคในประเทศไทย ทางบริษัทได้ประกาศความร่วมมือทางวิชาการอย่างเป็นทางการกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยีสตรีมเมอร์ ที่อยู่ในเครื่องปรับอากาศไดกิ้น เซ-ต้าส ซึ่งเปิดตัวในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการนำเทคโนโลยีสตรีมเมอร์มาใช้ในเครื่องปรับอากาศ หลังจากได้เปิดตัวในเครื่องฟอกอากาศไดกิ้นมาก่อนหน้านี้ สำหรับการทดสอบ ได้จำลองสถานการณ์ในการทดสอบให้ใกล้เคียงกับการใช้งานจริงของผู้บริโภคในประเทศไทยให้มากที่สุดเพื่อทดสอบว่าสภาพแวดล้อมอากาศในไทยไม่ส่งผลให้ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีสตรีเมอร์ลดลง ซึ่งผลการทดสอบพบว่า เทคโนโลยีสตรีมเมอร์สามารถช่วยยับยั้งหรือกำจัดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และราที่อยู่ภายในเครื่องปรับอากาศ ได้ 75 - 99.96% ภายในวันแรกที่เปิดการใช้งานฟังก์ชั่นสตรีมเมอร์ ในเวลา 8 ชั่วโมง ตลอดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ และสามารถกำจัดเชื้อส่วนใหญ่ได้ถึง 99.9% ภายในวันที่สี่ ซึ่งถือเป็นการยืนยันประสิทธิภาพของเทคโนโลยีสตรีมเมอร์ ในการช่วยยับยั้งเชื้อโรคทั้งแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส สารก่อภูมิแพ้ และก๊าซอันตรายอื่นๆ ในอากาศ ทั้งนี้ นายอาคิฮิสะ ยังกล่าวต่อว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะทำการทดสอบเทคโนโลยีสตรีมเมอร์กับมหาวิทยาลัยชั้นนำเพื่อช่วยสร้างความมั่นใจด้านสุขภาพแก่ผู้บริโภคชาวไทย ขณะเดียวกันยังเป็นตอกย้ำความเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีปรับอากาศของไดกิ้น โดยหลังจากนี้บริษัทยังคงเดินหน้าทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยีสตรีมเมอร์กับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ในประเทศไทยเพิ่มเติม ซึ่งผลการทดสอบจากมหาวิทยาลัยโตเกียว และมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์โอคายาม่า ประเทศญี่ปุ่น ตลอดจนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในประเทศไทย ได้ตอกย้ำประสิทธิภาพของเทคโนโลยีสตรีมเมอร์ ที่ติดตั้งอยู่ภายในเครื่องปรับอากาศ และเครื่องฟอกอากาศของไดกิ้น ว่าสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) รวมถึงช่วยขจัดปัญหากลิ่นเหม็นอับที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราภายในเครื่องปรับอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย นายอาคิฮิสะ กล่าวว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไดกิ้นได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของรัฐในการทดสอบ ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีสตรีมเมอร์ กับสสารอันตรายต่างๆ เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ก่อโรคระบาดรุนแรงอย่าง ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ไม่รุนแรง จากหนู และสารพิษและแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอาหารเป็นพิษ นอกจากนี้ประสิทธิภาพของสตรีมเมอร์ ยังได้รับการทดสอบกับสสารอันตรายอีกกว่า 60 ชนิด โดยแบ่งเป็น เชื้อแบคทีเรีย 7 ชนิด สารก่อภูมิแพ้ 30 ชนิด รวมไปถึงสารเคมีอันตรายอีกกว่า 19 ซึ่งผลการทดสอบเหล่านั้นได้รับการยืนยันผลจากสถาบันวิจัยของรัฐ สำหรับ เทคโนโลยีสตรีมเมอร์ ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยบริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) โดยในปี 2547 เทคโนโลยีดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้งานจริง ด้วยหลักการทำงานในการปล่อยประจุไฟฟ้าพลาสม่าสตรีมเมอร์ ที่มีประสิทธิภาพในการสลายสสารอันตราย ซึ่งการปล่อยประจุสตรีมเมอร์ เป็นเทคโนโลยีฟอกอากาศที่สร้างอิเล็คตรอนความเร็วสูงอย่างเสถียร ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติที่ทำได้ยากในเวลานั้น ด้วยประสิทธิภาพในการสลายสสารด้วยวิธีออกซิเดชั่น ของสตรีมเมอร์นั้นมากกว่าการปลดปล่อยประจุพลาสม่าแบบทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อผสานกับโมเลกุลของอากาศทำให้อิเล็กตรอนความเร็วสูงเหล่านี้ มีคุณสมบัติในการสลายสสารด้วยกระบวนการออกซิเดชั่น ทำให้สตรีมเมอร์สามารถกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แบคทีเรียและมลพิษทางอากาศภายในอาคาร เช่นฟอร์มาลดีไฮด์ ได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีผลทดสอบดังกล่าว ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเครื่องปรับอากาศที่ใช้ภายในบ้านในประเทศไทย ทั้งช่วยตอกย้ำว่า ไดกิ้นไม่เพียงคำนึงถึงการทำความเย็น แต่ยังมุ่งมั่นในการมอบอากาศที่ดี และสมบูรณ์แบบ แก่ผู้ใช้งานมากขึ้น ที่สำคัญยังเป็นการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศ ในการพัฒนาและต่อยอดเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพที่สามารถพิสูจน์ได้ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพให้แก่ผู้บริโภค