เมื่อเวลา เวลา 08:50 น. วันที่ 9 ก.ย.2563 ที่ศาลจังหวัด นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และ ร.ต.บัวทอง โลขันธ์ เดินทางมารายงานตัวต่อศาล ตามการนัดหมายอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา โดย นพ.เปรมศักดิ์ เดินทางมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม โดยพบปะกับคนรู้จักบริเวณหน้าศาลและเดินเข้าไปภายในเขตศาลทันที โดยเมื่อถึงเวลานัดหมาย ฝ่ายโจทก์ คือพนักงานอัยการ และนายก่อสิทธิ์ กองโฉม ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ประจำศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ในฐานะโจทก์ ร่วม รวมทั้ง จำเลยที่ 1 คือ นพ.เปรมศักดิ์ และ จำเลยที่ 2 คือ ร.ต.บัวทอง ศาลได้ให้ทุกฝ่ายเข้ารับฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา ในคดีข่มขืนใจ บังคับขู่เข็ญ และกระทำอนาจาร ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำสั่งกักขังจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 2 เดือน โดยศาลให้เหตุผลว่า นพ.เปรมศักดิ์ได้สำนึกผิด และ ได้นำเงินสดจำนวน 100,000 บาท มาวางต่อหน้าศาล เพื่อชดเชยค่าเสียหายให้กับสื่อมวลชน จึงสมควรแก่เหตุในการเปลี่ยนคำพิพากษาของศาลชั้นอุทธรณ์ นายปกาญจน์ นพศรี ทนายความฝ่ายโจทย์ กล่าวว่า ศาลฎีกาได้พิจารณา เปลี่ยนคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ จาก โทษจำคุก 2เดือน เป็นกักขัง 2เดือน โดยพิจารณาเปลี่ยนโทษเนื่องจาก นพ.เปรมศักดิ์ ได้นำเงินสดมาวางต่อหน้าศาล เพื่อชดเชยค่าเสียหายให้กับสื่อมวลชน ซึ่งศาลพิจารณาว่าจำเลย สสำนึกผิด ขณะที่ นายปราโมทย์ ศรีบุระ ผู้แทนสื่อมวลชน กล่าวว่า เคารพการพิจารณาของศาลฎีกา ซึ่งถือว่าคดีเป็นที่สิ้น ที่รอมานานกว่า 3 ปี ส่วนเงินสด 100,000 บาทที่จำเลยนำมาวางต่อหน้าศาลเพื่อแสดงเจตนาในการเยียวยานั้น สื่อมวลชนไม่ได้รับมาแต่อย่่างใด เพื่อ ป้องกันคำครหา และ เป็นคดีตัวอย่าง ที่สื่อมวลชนไม่ควรถูกคุกคาม อย่างไรก็ตามขณะนี้ จำเลยที่ 1 และ 2 รวมทั้งทีมทนายความอยู่ระหว่างดำเนินการร้องขอเรื่องสถานที่กักขัง ซึ่งจะต่างจากการจำคุก ที่ไม่ต้องเข้าเรือนจำ หรือแดนขังและสามารถเยี่ยมผู้ต้องขังได้วันละ 1 ครั้ง